แอสเซทไวส์ เปิดแผนธุรกิจปี 2567 เตรียมลุย 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 25,920 ลบ.

9 Feb 2024

[PR News] แอสเซทไวส์ เปิดเกมรุกสู้ศึกอสังหาฯ ปี 2567 ชูกลยุทธ์ “THE NEW FRONTIERS” ลุยเปิด 12 โครงการใหม่ ขยายทำเล EEC และภูเก็ต มูลค่ารวม 25,920 ล้านบาท พร้อมบุกธุรกิจใหม่ ตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท

บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ลุยศักราชใหม่ปี 2567 เผยแผนธุรกิจชู 3 กลยุทธ์หลัก “Execute / Expand / Explore” มุ่งนำธุรกิจเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” ลุยเปิด 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 25,920 ล้านบาท

ตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท และรุกแผนเปิดโครงการแนวราบ รวมถึงขยายทำเลครอบคลุมกรุงเทพฯ, เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และภูเก็ต เสริมแกร่งด้วยธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้ต่อเนื่อง ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์, เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ พร้อมปรับทัพผู้บริหารขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตแข็งแกร่งรับทุกสถานการณ์

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ดีของแอสเซทไวส์ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด และบ้านระดับลักซ์ชัวรี เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในหลากหลายเซ็กเมนต์

บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต ที่ถือเป็นหนึ่งในทำเล World Class Destination ซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มองหาที่พักอาศัยในประเทศไทย

โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมรวม 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 30,260 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้เดิม 12 โครงการ และสามารถทำยอดขายปี 2566 ได้ถึง 16,486 ล้านบาท สูงทะลุเป้าที่วางไว้ ซึ่งเติบโตกว่า 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

สำหรับทิศทางอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2567 นี้ ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตในทิศทางเดียวกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ซึ่งแนวโน้มภาพรวมในวันนี้ยังมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ปัจจัยบวกที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริม และกระตุ้นกำลังซื้อ

ยกตัวอย่างเช่น การต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียม โอน-จดจำนอง ออกไปอีก 1 ปี รวมถึงมาตรการฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเริ่มใช้วันที่ 1 มีนาคม 2567 นี้ จะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย ซึ่งคาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจรวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ กลับมาคึกคักอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แอสเซทไวส์ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง โดยปี 2567 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 9 โครงการ และแนวราบ 3 โครงการ พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 17,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% จากปี 2566 และเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยแนวคิด “THE NEW FRONTIERS” กับการพัฒนาแอสเซทไวส์ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในทุกมิติ โดยบูรณาการ 3 กลยุทธ์หลักซึ่งประกอบไปด้วย

1. Execute การมุ่งมั่นสร้างสรรค์บ้านและคอนโดคุณภาพ รวมถึงการรักษาความแข็งแกร่งของพอร์ตธุรกิจหลักของแอสเซทไวส์ คือพอร์ตคอนโดมิเนียมที่มี 3 แบรนด์เรือธงอย่าง KAVE, ATMOZ และ MODIZ ปักหมุดทั่วเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ EEC

โดยในปีนี้จะรุกเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ในเขตกรุงเทพและ EEC รวม 6 โครงการ มูลค่า 10,820 ล้านบาท เน้นทำเลศักยภาพเดินทางสะดวก ใกล้สถาบันการศึกษา ใกล้แหล่งงาน

รวมถึงเปิดตัวบูทีคคอนโดแบรนด์ใหม่ Maroon รัชดา 32 และ Aquarous บนทำเลจอมเทียน-พัทยา อีกหนึ่งหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกด้วย

2. Expand การขยายโครงการให้เติบโตในทุกมิติทั้งด้านทำเล สินค้า และราคา โดยยังพัฒนาโครงการต่อเนื่องทั้งในทำเลที่เชี่ยวชาญ และมองหาโอกาสในการขยายทำเลใหม่ที่มีโอกาสในการพัฒนา และเติบโตไปในทำเลที่มีศักยภาพ

รวมถึงการพัฒนาโครงการแนวราบให้มีความหลากหลาย เติมเต็มความต้องการของกลุ่มลูกค้ามากขึ้นภายใต้แบรนด์ ESTA, THE ARBOR, THE HONOR และล่าสุด CHANN The Riverside บ้านเดี่ยวบูทีคติดแม่น้ำท่าจีนบนโค้งน้ำเส้นบรมราชชนนี

นอกจากนี้ยังมีการรุกเจาะขยายธุรกิจสู่ EEC ทั้งศรีราชา, บางแสน และระยอง ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและแหล่งนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยล่าสุดได้มีการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนหลายแบรนด์ที่มาตั้งฐานการผลิตในเขต EEC ทำให้ยังคงมีดีมานด์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ทั้งซื้ออยู่อาศัยเอง และเพื่อลงทุนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ที่ภูเก็ต ปัจจุบันแอสเซทไวส์พัฒนาคอนโดมิเนียมแบรนด์ THE TITLE ภายใต้บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ในเครือแอสเซทไวส์ ซึ่งล่าสุดได้เปิดขายโครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างดีเยี่ยม จนตอนนี้มียอดขายรวมแล้วกว่า 80% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ THE TITLE

ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดความสำเร็จ ในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเดอะ ไทเทิล เฮอริเทจ บางเทา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท, โครงการเดอะ ไทเทิล เซเรนิตี้ ในยาง มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท และโครงการเดอะ ไทเทิล ราไวย์ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (BOTANICA Grand Avenue) ลักซ์ชัวรีพูลวิลล่าที่เป็นเมกะโปรเจ็กต์ มูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาท ในสัดส่วน 30% ทำให้พอร์ตอสังหาริมทรัพย์ ในภูเก็ตของแอสเซทไวส์มีความครบเครื่องมากยิ่งขึ้น มีโปรดักต์ครอบคลุมทั้ง Leisure คอนโดมิเนียม และวิลล่าระดับลักซ์ชัวรี

3. Explore การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อเป็นการสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น

– ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้โครงการ Mingle Mall ที่ประกอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ

– Well Aesthetic & Wellness Center พื้นที่เช่าสำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงาม บนใจกลางย่านรัชดาภิเษก

– ล่าสุดกับ มิงเกิ้ล สปอร์ต วิลเลจ (Mingle Sport Village at Rangsit) ศูนย์กีฬาในร่มเอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึง Rocket Fitness โดยใช้ประสบการณ์และความชำนาญในด้านการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ยาวนานกว่า 19 ปี ภายใต้การบริหารงานของ “บริษัท เทรเชอร์ เอ็ม จำกัด” ในเครือแอสเซทไวส์

รวมถึง ZAAP World ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็ม และเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแอสเซทไวส์อีกด้วย

พร้อมกันนี้ แอสเซทไวส์ยังมีโครงการที่สร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนในปี 2567 อีกจำนวน 9 โครงการ ซึ่งแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 9,557 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 2 โครงการ

โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มียอด Backlog อยู่ ถึง 19,500 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนโครงการในกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 13,700 ล้านบาท โครงการในทำเล EEC จำนวน 1,800 ล้านบาท และโครงการในภูเก็ตอีกกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 ต่อเนื่องไปถึงปี 2569

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วยการปรับโครงสร้างภายใน โดยแต่งตั้งผู้บริหารของแต่ละกลุ่มธุรกิจเป็นแม่ทัพในการพัฒนาโครงการ ซึ่งจะสามารถพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีความเข้าใจความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงาน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงต่อไป

เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเติบโตของแอสเซทไวส์ ทั้งการขยายธุรกิจสู่ทำเลใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการพัฒนาโครงการรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิต เพื่อมุ่งส่งมอบบ้านคุณภาพที่สร้างความสุขให้ลูกค้าอย่างแท้จริง จากกลยุทธ์ที่เราวางไว้ในปีนี้ เรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน

POST COMMENT

You may also like these articles

เปิดวิสัยทัศน์ CEO ฮาบิแทท กรุ๊ป ผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมและที่อยู่อาศัยเพื่อความยั่งยืน

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย คุณชนินทร์ วานิชวงศ์

Continue Reading5 Feb 2024

สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล จับมือ 2 ยักษ์ใหญ่อสังหาฯ เปิด 2 โครงการ รูปแบบ branded residences

[PR News] สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล (Standard International) จับมือ 2 ดีเวลลอปเปอร์ยักษ์ใหญ

Continue Reading7 Feb 2024