สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 6-10 มิ.ย. 65

11 มิ.ย. 2565

ส่อง 11 ทำเลในกรุงเทพฯ ตอบโจทย์บ้านผู้สูงอายุ

ข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ พาส่องตลาดบ้านมือสองในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อัปเดตตลาดคอนโดวิวทะเล ภูเก็ต เปิด 11 ทำเล ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ พร้อมจับตาเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี และสินเชื่อแก้หนี้นอกระบบ DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่

Subscription Banner for Article

1. ส่อง 11 ทำเลในกรุงเทพฯ ตอบโจทย์บ้านผู้สูงอายุ

ลุมพินี วิสดอมฯ เผยผลสำรวจ ทำเลที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ มีดังนี้

  • ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท (Affordable Condominium) ได้แก่ มีนบุรี, รามอินทรา กม. 8 และพระราม 2
  • ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป (Standard and Premium Condominium) ได้แก่ ประชาชื่น-เกษตร, พระราม 9-ศรีนครินทร์ และพระราม 4-เอกมัย
  • ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท (Affordable House) ได้แก่ มีนบุรี, บางใหญ่ และหนองแขม
  • ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป (Standard and Premium House) ได้แก่ ภาษีเจริญ, ศรีนครินทร์ และกล้วยน้ำไท

คอนโดผู้สูงอายุ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับคนวัยเกษียณ

จากผลการสำรวจพบว่า ทำเลแต่ละแห่งข้างต้นมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ เนื่องจากการเดินทางจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยไปสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 15 นาที มีโรงพยาบาลมากกว่า 3 แห่งที่เปิดให้บริการในแต่ละทำเล

ในขณะเดียวกันเป็นทำเลที่มีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอต่อการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ และสมาชิกในรุ่นอื่น ๆ ของครอบครัวทั้งเด็ก และวัยทำงาน เหมาะกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบของ Universal Design เพื่อคนทุกวัยในครอบครัวโดยเฉพาะผู้สูงอายุ

นอกจากทำเลแล้ว รูปแบบของที่อยู่อาศัยและบริการ มีความจำเป็นที่จะต้องออกแบบเพื่อตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ โดยพบว่า การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุต้องคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุที่ต้องเหมาะสม ให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัย

รวมถึงการออกแบบที่ให้ผู้สูงอายุอยู่อาศัยได้ง่าย เช่น ห้องน้ำต้องใช้พื้นกันลื่น มีที่จับเพื่อการประคองตัวสำหรับผู้สูงอายุ ลดความลาดชันในแต่ละพื้นที่ของที่อยู่อาศัย ในขณะที่งานบริการในโครงการ ควรมีระบบการแพทย์ฉุกเฉินรองรับตลอด 24 ชั่วโมง

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับผู้สูงอายุในทำเลที่เหมาะสมเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มคนวัยทำงาน ไปสู่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อและต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับการใช้ชีวิต

2. ส่องตลาดบ้านมือสอง ราคา 3-5 ล้านมีประกาศขายมากสุด

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รวบรวมข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ (บ้านมือสอง) พบว่า จำนวนหน่วยและมูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ ในไตรมาส 1 ปี 2565 มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 137,957 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 937,992 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 5.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 145,753 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 990,224 ล้านบาท

แต่มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้น 20.2% และ 25.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 114,794 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 749,651 ล้านบาท

ในไตรมาส 1 ปี 2565 พบว่า สถานการณ์การประกาศขายบ้านมือสองในตลาดมีความเคลื่อนไหวในทิศทางการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเดือนมีนาคม มีจำนวนหน่วยและมูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองประกาศขายมากที่สุด จำนวน 155,027 หน่วย มูลค่า 1,027,953 ล้านบาท

โดยประเภทที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขายสะสมเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด ได้แก่

  • บ้านเดี่ยว มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 55,205 หน่วย สัดส่วน 40% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 499,671 ล้านบาท สัดส่วน 53.3%
  • ห้องชุด มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 40,660 หน่วย สัดส่วน 29.5% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 302,231 ล้านบาท สัดส่วน 32.2%
  • ทาวน์เฮ้าส์ มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 36,391 หน่วย สัดส่วน 26.4% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 110,753 ล้านบาท สัดส่วน 11.8%
  • อาคารพาณิชย์ มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 3,552 หน่วย สัดส่วน 2.6% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 18,150 ล้านบาท สัดส่วน 1.9%
  • บ้านแฝด มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 2,149 หน่วย สัดส่วน 1.6% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 7,186 ล้านบาท สัดส่วน 0.8%

จังหวัดที่มีที่อยู่อาศัยมือสองประกาศขายอยู่ในกรุงเทพฯ มากที่สุด มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 54,627 หน่วย สัดส่วน 39.6% ของทั้งประเทศ และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 581,059 ล้านบาท สัดส่วน 61.9%

ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด ลำดับที่ 2-10 ได้แก่ นนทบุรี, สมุทรปราการ, ปทุมธานี, ชลบุรี, เชียงใหม่, ระยอง, ประจวบคีรีขันธ์, ภูเก็ต และนครราชสีมา ตามลำดับ

ทั้งนี้ 10 จังหวัดดังกล่าว มีสัดส่วนจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือนรวมกันเท่ากับ 75.5% ของทั้งประเทศ และมีสัดส่วนมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนรวมกัน 88.6%

ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยมือสองทุกประเภทที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุดอยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 23,295 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 16.9 %

ส่วนระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนน้อยที่สุดคือ ระดับราคา 7.5-10 ล้านบาท มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 7,432 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 5.4 %

รวมประกาศขายบ้านมือสองในกรุงเทพฯ

3. ธ.ออมสิน ผนึก 2 องค์กร ทำธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก หวังแก้หนี้นอกระบบ

ธนาคารออมสิน กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ลงนามบันทึกข้อตกลงการทำธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก ร่วมทุนจัดตั้งบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด

โดยตั้งเป้าช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนทั่วไป ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนต้นทุนถูกลง และมีเงื่อนไขการกู้ที่เป็นธรรม เพื่อช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบ และสร้างการแข่งขันที่สมบูรณ์ในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝาก

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถจัดตั้งบริษัทฯ แล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 ปี 2565 เปิดตัวด้วยสินเชื่อที่ดิน อัตราดอกเบี้ย 7-9% ในระยะแรก หลังจากนั้นขยายผลไปทำธุรกิจขายฝากภายในสิ้นปี 2565 ก่อนจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Non-Bank ในปี 2566 เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อบุคคลต่อไป

ตั้งเป้าปีแรกสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 10,000 ล้านบาท ด้วยจุดแข็งด้านฐานลูกค้าของธนาคารออมสินที่มีจำนวนมาก และมีจุดบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งสาขาของธนาคารออมสิน และทิพย กรุ๊ป รวมถึงจุดให้บริการน้ำมันบางจาก รวมกันกว่า 2,300 แห่ง ทั่วประเทศ

ส่องตลาดคอนโดวิวทะเลภูเก็ต ราคาขายเกือบ 2 แสน/ตร.ม.

4. ส่องตลาดคอนโดวิวทะเลภูเก็ต ราคาขายเกือบ 2 แสน/ตร.ม.

ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ณ สิ้นปี 2564 อุปทานคอนโดมิเนียมในภูเก็ตมีจำนวนทั้งสิ้น 26,068 หน่วย

โดยตลอดทั้งปีที่ผ่านมาพบว่าไม่มีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปี 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงรอดูสถานการณ์การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติและปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ จึงส่งผลให้ต้องชะลอการแผนการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปก่อน

จากการเก็บข้อมูลคอนโดมิเนียมที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2555 ถึง 2564 ที่เปิดขายส่วนใหญ่ จะอยู่บริเวณหาดป่าตอง 15%, หาดบางเทา 13%, หาดกมลาและหาดราไวย์ 12%, หาดสุรินทร์ 10%, หาดลายัน 8%, หาดกะรน 7%, หาดกะตะและหาดในยาง 6%, หาดไม้ขาว 5%, หาดในหาน 4% และหาดในทอน 2% ของอุปทานทั้งหมด

ด้านอุปสงค์ ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวนคอนโดมิเนียมที่ขายไปได้แล้วทั้งสิ้น 20,376 หน่วย จากอุปทานทั้งหมด 26,068 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ 78.1% อัตราการขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4% จากปี 2563 อยู่ที่ 75.7%

ปัจจุบันมีหน่วยเหลือขายประมาณ 5,720 หน่วย โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ในปี 2564 มีจำนวนหน่วยขายเพียง 615 หน่วยเท่านั้น ซึ่งจำนวนหน่วยขายลดลงจากปี 2563 ที่มีจำนวนหน่วยขายอยู่ที่ 1,956 หน่วย จำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 จากโควิค-19 ที่ยาวต่อเนื่องมาตลอด 2 ปี

โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีกลุ่มผู้ซื้อเป็นชาวรัสเซียถึงเกือบ 90% ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ตเป็นประจำทุกปี โดยจะซื้อผ่านเอเจนท์ในภูเก็ต เลือกซื้อโครงการที่สามารถบริหารเป็นโรงแรมและให้ผลตอบแทนค่าเช่าในแต่ละปี โดยเจ้าของห้องเองก็สามารถเข้าพักได้ในช่วงเวลาที่มาพักผ่อน ส่วนที่เหลืออีก 10% จะเป็นกลุ่มชาวไทยที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเป็นบ้านพักหลังที่สอง

อัปเดตค่านายหน้า หรือค่าใช้บริการซื้อ-ขายจากเอเจนท์ปี 2565

ราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ณ ปลายปี 2564 คอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเล มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 196,015 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ในอัตรา 1.6%

โดยในปี 2563 ราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเล มีราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ 192,758 บาทต่อตารางเมตร ส่วนราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลบางส่วนปี 2564 มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 97,541 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวลดลงจากปี 2563 ในอัตรา 2.2% ซึ่งมีราคาเสนอขายเฉลี่ย ณ ปี 2563 อยู่ที่ 99,745 บาทต่อตารางเมตร

ส่วนคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาเสนอขายในปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 76,526 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2564 ในอัตรา 0.45% ซึ่งราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลมีราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ 76,184 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลและไม่เห็นวิวทะเลมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

รวมประกาศขายคอนโดในภูเก็ต

ผู้ประกอบการมองว่าสถานการณ์กำลังจะเริ่มกลับมาดีขึ้น แม้อาจจะต้องใช้เวลา หลายโครงการมีแผนที่กำลังจะสร้างเสร็จ ส่งผลให้ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและคาดว่าหากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติราคาขายเฉลี่ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 10-15% โดยเฉพาะบริเวณที่เห็นวิวทะเลซึ่งสะท้อนได้จากหน่วยขายได้ในปีนี้ที่มีจำนวนมากกว่าบริเวณอื่น

แนวโน้มการกลับมาฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต คาดว่าในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ตลาดคอนโดมิเนียมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากกำลังซื้อของต่างชาติโดยเฉพาะนักลงทุนชาวรัสเซียที่เริ่มกลับมาซื้อตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา

5. เงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 13 ปี ดันค่าครองชีพเพิ่มเกือบ 250 บ./เดือน

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ที่ 7.10% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 13 ปี โดยมีผลพวงหลักมาจากกลุ่มสินค้าพลังงาน เทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 37.24% และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 6.18%

ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 17,681 บาท ขณะที่เดือนพฤษภาคม ค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ที่ 17,927 บาท เพิ่มขึ้น 246 บาท โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น คือ

  • ค่าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า จาก 374 บาท เพิ่มเป็น 375 บาท
  • ไข่และผลิตภัณฑ์นม จาก 374 บาท เพิ่มเป็น 377 บาท
  • เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ จาก 384 บาท เพิ่มเป็น 385 บาท
  • เครื่องปรุงอาหาร จาก 428 บาท เพิ่มเป็น 433 บาท
  • ข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง จาก 646 บาท เพิ่มเป็น 651 บาท
  • ค่าหนังสือ ค่าสันทนาการ ค่าเล่าเรียน และการกุศลต่าง ๆ จาก 750 บาท เพิ่มเป็น 752 บาท
  • ผักและผลไม้ จาก 919 บาท เพิ่มเป็น 920 บาท
  • ค่าแพทย์ ค่ายา และบริการส่วนบุคคล จาก 964 บาท เพิ่มเป็น 967 บาท
  • อาหารบริโภคนอกบ้าน (ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง KFC Pizza) 1,211 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
  • อาหารบริโภคในบ้าน เดลิเวอรี่ จาก 1,572 บาท เพิ่มเป็น 1,577 บาท
  • เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ จาก 1,667 บาท เพิ่มเป็น 1,719 บาท
  • ค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม เครื่องใช้ในบ้าน จาก 3,919 บาท เพิ่มเป็น 3,950 บาท
  • ค่าโดยสารธารณะ ค่าซื้อยานพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ จาก 4,233 บาท เพิ่มเป็น 4,370 บาท

นอกจากนั้นยังพบว่า สัดส่วนการบริโภคต่อครัวเรือนระหว่างเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม มีการเปลี่ยนแปลง คือ ค่าโดยสารธารณะ, ค่าซื้อยานพาหนะ, ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง, ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่มากที่สุด เดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จาก 23.94% เป็น 24.38% ส่วนค่าเช่าบ้าน, ค่าวัสดุก่อสร้าง, ค่าไฟฟ้า, ค่าก๊าซหุงต้ม และเครื่องใช้ในบ้าน เดือนพฤษภาคม ลดลงจากเดือนเมษายน จาก 2.17% เหลือ 22.03%

สรุปข่าวจาก PPTV Online: เทียบค่าครองชีพ เม.ย.-พ.ค.65 เพิ่มขึ้นอีกเกือบ 300 บาท

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 9-13 พ.ค. 65

คัดข่าวเด่นประเด็นร้อนในแวดวงอสังหาฯ ทั้งสัญญาณคอนโดโอเวอร์ซัพพลาย ต

อ่านต่อ14 พ.ค. 2565