จับตาเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 คลี่คลาย คงดอกเบี้ยนโยบายหนุนฟื้น สวนทางกำลังซื้อยังอ่อนแอ ค่าอุปโภคบริโภคขยับ เตรียมปรับค่าไฟ พร้อมเกาะติดภาษีที่ดิน และที่อยู่อาศัย บ้านเช่าราคาถูกสำหรับผู้อายุ DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่
1. ที่ดินเปล่าในกรุงเทพฯ กว่าแสนแปลง เร่งกระตุ้นให้ใช้ประโยชน์
กรุงเทพมหานคร (กทม.) เดินหน้านโยบายสวน 15 นาทีทั่วกรุง เป้าหมายสร้างสวนสาธารณะใกล้บ้าน สามารถเดินถึงได้ภายใน 15 นาที หนึ่งในแนวทางคือ การอาศัยกลไกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจูงใจให้เอกชนมอบที่ดินให้ กทม. พัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวเพื่องดเว้นการเสียภาษี
โดยมีการนำเสนอแนวคิดเรื่องการจัดเก็บภาษีตามโซนผังเมือง แต่ทั้งนี้ต้องดูอำนาจ กทม. ว่าสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด ต้องมีการพิจารณาโดยละเอียดในแต่ละพื้นที่ว่าเป็นผังเมืองสีอะไร เช่น พื้นที่การเกษตรจะขึ้นภาษีมากไม่ได้ ต้องพยายามทำให้ภาระภาษีต่ำที่สุด
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีที่ดินว่างเปล่า ปี 65 ต้องจ่ายเท่าไหร่
ยกเว้นการนำที่ดินมาทำการเกษตรในพื้นที่กลางเมือง เช่น ผังเมืองสีแดง มีข้อกำหนดเป็นพื้นที่ย่านการค้าเชิงพาณิชย์, ผังเมืองสีส้มกำหนดเป็นพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะในการทำการเกษตร ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ในอนาคตอาจมีการพิจารณานำสีผังเมืองเข้ามาร่วมเป็นองค์ประกอบมาตรการในการกำหนดภาษี เป็นต้น
ในส่วนของการแจ้งชำระภาษีที่ดินฯ มีประกาศของกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับนิยามพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่ง กทม. ไม่มีอำนาจแก้ไขประกาศตัวนี้ แต่กฎหมายภาษีที่ดินฯ เปิดช่องให้ท้องถิ่นสามารถกำหนดภาษีเองได้ เพียงแต่ห้ามไม่ให้เก็บภาษีเกินเพดานที่กำหนดในกฎหมาย
หากเห็นว่าพื้นที่บางแห่งไม่ควรเป็นแปลงเกษตร ไม่ควรปลูกกล้วย ก็อาจจะใช้อำนาจที่กฎหมายเปิดช่องไว้ให้มาปรับอัตราภาษีเกษตรให้สูงกว่าอัตราแนะนำที่กระทรวงการคลังกำหนด ทำอย่างไรให้ที่ดินเปล่าในกรุงเทพฯ แทนที่จะทำเกษตรกรรม ก็นำมาทำสวนสาธารณะหรือลานเตะบอล เพื่อให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมใช้ประโยชน์ ถือเป็นวิธีการทางภาษีที่ไปเพิ่มแรงจูงใจให้เอกชนมีแรงจูงใจในการนำที่ดินเปล่ามาทำเป็นพื้นที่สาธารณะ
สรุปข่าวจากประชาชาติธุรกิจ: ที่ดินเปล่า กทม. แสนแปลง ป่วน “ชัชชาติ” บี้ภาษีที่ปลูกกล้วย
2. ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น กดดันการฟื้นตัวของกำลังซื้อ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retailer Sentiment Index: RSI) ประจำเดือนพฤษภาคม 2565 ทั้งภาวะปัจจุบันและในระยะ 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ปรับลดลงจากภาวะค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น
แม้ว่าผู้บริโภคจะคลายความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนจากกิจกรรมนอกบ้านที่มากขึ้น แต่การปรับขึ้นราคาสินค้าหลายรายการตามต้นทุน และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐหมดลง ซ้ำเติมกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอ และกดดันการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก
โดยความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการประเภทห้างสรรพสินค้า ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม และความถี่ของผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดการใช้จ่ายต่อครั้ง (Spending per bill) ปรับลดลง เพราะผู้บริโภคคลายความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาด จึงเริ่มออกมาใช้จ่ายเพื่อการบริโภค ลดการประกอบอาหารในบ้าน ท่องเที่ยวและทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นนั้น คาดว่าจะยังเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภค
นอกจากนี้ ในส่วนของการประเมินการใช้จ่ายของผู้บริโภค พบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะราคาสินค้าขั้นพื้นฐานหลายหมวดที่ปรับแพงขึ้น โดยเฉพาะในหมวดสินค้าจำเป็น อีกทั้งยังพบว่าผู้บริโภคออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ทั้งการท่องเที่ยว การกลับเข้าทำงานที่บริษัท และการเปิดภาคการศึกษา
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนพฤษภาคม 2565 ปรับดีขึ้นมาอยู่ที่ 49.3 จากระดับ 48.2 เดือนเมษายน 2565 จากการเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ นำโดยด้านการผลิต ผลประกอบการ และคำสั่งซื้อที่ปรับเพิ่มขึ้นตามนโยบายการเปิดประเทศที่ผ่อนคลายขึ้น และประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น
สรุปข่าวจากไทยโพสต์: ‘ธปท.’ ชี้กำลังซื้อผู้บริโภคยังอ่อนแอ! ค่าครองชีพพุ่งต่อเนื่อง

3. ค่าไฟรอบใหม่เตรียมปรับขึ้น 40 สตางค์ต่อหน่วย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคาดว่าค่าไฟรอบใหม่ หรือรอบปลายปีจะปรับขึ้นประมาณ 40 สตางค์ต่อหน่วย โดยตัวเลขดังกล่าวนี้เป็นกรณีไม่ส่งต่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระ เนื่องจากต้นทุนมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี แนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 นั้น ยังไม่มีการพิจารณาเพราะต้องรอปิดรอบการคำนวณก่อนคาดว่าจะเริ่มคำนวณกลางเดือนมิถุนายนนี้ และจะประกาศในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2565
ทั้งนี้ เดิมทีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นส่งผลให้ประมาณการค่าเอฟทีในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 129.91 สตางค์ต่อหน่วย แต่ กกพ. พิจารณาภายใต้หลักการการปรับขึ้นแบบขั้นบันได 3 งวด เฉลี่ยงวดละ 47.3 สตางค์ต่อหน่วย และ กฟผ. ช่วยรับภาระจึงลดลงอยู่ที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนงวดใหม่เบื้องต้นตัวเลขคำนวณยังไม่เปลี่ยนแปลง จึงคาดว่าจะขึ้นประมาณ 40 สตางค์ต่อหน่วย
สำหรับในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมานั้น กกพ. ได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าเอฟที โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 4.00 บาทต่อหน่วย
โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีมาจากผลกระทบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลต่อวิกฤตราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ทำให้ กกพ. ต้องปรับสมมุติฐานการประมาณการ ค่าเอฟทีใหม่ให้สะท้อนราคาเชื้อเพลิงในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานการณ์ที่ก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในอ่าวไทยลดลงในช่วงปลายสัมปทาน
สรุปข่าวจากฐานเศรษฐกิจ: ค่าไฟหน่วยละกี่บาท 2565 งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. ขึ้นอีกเท่าไหร่ เช็คเลยที่นี่
4. คืบหน้าที่พักอาศัยในระยะยาวหลังเกษียณ เช่า 2,900.บ./เดือน
หลังจากบริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) ลงสำรวจพื้นที่เพื่อจัดทำโครงการบ้านเช่าพร้อมอาชีพ จำนวน 100,000 หลังทั่วประเทศ สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง ได้เข้าถึงโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานในราคาที่เหมาะสม ทั้งยังสามารถพัฒนาทักษะอาชีพภายในชุมชนเพื่อสร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน
ล่าสุด บริษัทได้จับมือกับบริษัท ไทยจัดการ ลองสเตย์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการจองที่พักโรงแรม บ้านพักในโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวพำนักระยะยาว และเป็น 1 ในผู้ถือหุ้น ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในการสำรวจพื้นที่ในการจัดทำ “เคหะลองสเตย์” ที่พักอาศัยในระยะยาวให้กับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้สูงอายุ ข้าราชการหลังเกษียณ และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพำนักระยะยาว ให้ได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข
บ้านเช่าราคาถูก 4 วิธีเลือกอย่างไรให้ตรงใจ และปลอดภัย
จุดเด่นของโครงการนี้ คือ ราคาค่าเช่าจะถูกกว่าตลาด ไม่ต้องมีเงินดาวน์ ไม่มีเงินล่วงหน้า และสามารถเข้ามาอยู่อาศัยได้เลย โดยค่าเช่าเริ่มต้นประมาณ 2,900 บาท ต่อเดือน เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์พิเศษที่ทำคู่ขนานไปพร้อม ๆ กับโครงการบ้านเช่าพร้อมอาชีพของเคหะสุขประชา
โดยโครงการนี้จะสามารถตอบโจทย์ในด้านที่อยู่อาศัยของคนกลุ่มดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ทั้งรูปแบบของที่พัก พื้นที่สันทนาการ ตลอดจนมีศูนย์ดูแลสุขภาพภายใต้มาตรฐานที่ดี
สรุปข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ: เคหะสุขประชาผุดเคหะลองสเตย์รับผู้สูงอายุ วัยเกษียณ นักท่องเที่ยว
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
