ข่าวอสังหาฯ รอบสัปดาห์ พาส่องตลาดบ้านมือสองในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อัปเดตตลาดคอนโดวิวทะเล ภูเก็ต เปิด 11 ทำเล ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ พร้อมจับตาเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี และสินเชื่อแก้หนี้นอกระบบ DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่
1. ส่อง 11 ทำเลในกรุงเทพฯ ตอบโจทย์บ้านผู้สูงอายุ
ลุมพินี วิสดอมฯ เผยผลสำรวจ ทำเลที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ มีดังนี้
- ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท (Affordable Condominium) ได้แก่ มีนบุรี, รามอินทรา กม. 8 และพระราม 2
- ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป (Standard and Premium Condominium) ได้แก่ ประชาชื่น-เกษตร, พระราม 9-ศรีนครินทร์ และพระราม 4-เอกมัย
- ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท (Affordable House) ได้แก่ มีนบุรี, บางใหญ่ และหนองแขม
- ทำเลที่เหมาะสมในการพัฒนาบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป (Standard and Premium House) ได้แก่ ภาษีเจริญ, ศรีนครินทร์ และกล้วยน้ำไท
คอนโดผู้สูงอายุ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับคนวัยเกษียณ
จากผลการสำรวจพบว่า ทำเลแต่ละแห่งข้างต้นมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ เนื่องจากการเดินทางจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยไปสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 15 นาที มีโรงพยาบาลมากกว่า 3 แห่งที่เปิดให้บริการในแต่ละทำเล
ในขณะเดียวกันเป็นทำเลที่มีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอต่อการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ และสมาชิกในรุ่นอื่น ๆ ของครอบครัวทั้งเด็ก และวัยทำงาน เหมาะกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบของ Universal Design เพื่อคนทุกวัยในครอบครัวโดยเฉพาะผู้สูงอายุ
นอกจากทำเลแล้ว รูปแบบของที่อยู่อาศัยและบริการ มีความจำเป็นที่จะต้องออกแบบเพื่อตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ โดยพบว่า การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุต้องคำนึงถึงการเลือกใช้วัสดุที่ต้องเหมาะสม ให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัย
รวมถึงการออกแบบที่ให้ผู้สูงอายุอยู่อาศัยได้ง่าย เช่น ห้องน้ำต้องใช้พื้นกันลื่น มีที่จับเพื่อการประคองตัวสำหรับผู้สูงอายุ ลดความลาดชันในแต่ละพื้นที่ของที่อยู่อาศัย ในขณะที่งานบริการในโครงการ ควรมีระบบการแพทย์ฉุกเฉินรองรับตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับผู้สูงอายุในทำเลที่เหมาะสมเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มคนวัยทำงาน ไปสู่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อและต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับการใช้ชีวิต
2. ส่องตลาดบ้านมือสอง ราคา 3-5 ล้านมีประกาศขายมากสุด
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รวบรวมข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ (บ้านมือสอง) พบว่า จำนวนหน่วยและมูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ ในไตรมาส 1 ปี 2565 มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 137,957 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 937,992 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 5.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 145,753 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 990,224 ล้านบาท
แต่มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้น 20.2% และ 25.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 114,794 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 749,651 ล้านบาท
ในไตรมาส 1 ปี 2565 พบว่า สถานการณ์การประกาศขายบ้านมือสองในตลาดมีความเคลื่อนไหวในทิศทางการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเดือนมีนาคม มีจำนวนหน่วยและมูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองประกาศขายมากที่สุด จำนวน 155,027 หน่วย มูลค่า 1,027,953 ล้านบาท
โดยประเภทที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขายสะสมเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด ได้แก่
- บ้านเดี่ยว มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 55,205 หน่วย สัดส่วน 40% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 499,671 ล้านบาท สัดส่วน 53.3%
- ห้องชุด มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 40,660 หน่วย สัดส่วน 29.5% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 302,231 ล้านบาท สัดส่วน 32.2%
- ทาวน์เฮ้าส์ มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 36,391 หน่วย สัดส่วน 26.4% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 110,753 ล้านบาท สัดส่วน 11.8%
- อาคารพาณิชย์ มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 3,552 หน่วย สัดส่วน 2.6% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 18,150 ล้านบาท สัดส่วน 1.9%
- บ้านแฝด มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 2,149 หน่วย สัดส่วน 1.6% มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 7,186 ล้านบาท สัดส่วน 0.8%
จังหวัดที่มีที่อยู่อาศัยมือสองประกาศขายอยู่ในกรุงเทพฯ มากที่สุด มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 54,627 หน่วย สัดส่วน 39.6% ของทั้งประเทศ และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 581,059 ล้านบาท สัดส่วน 61.9%
ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด ลำดับที่ 2-10 ได้แก่ นนทบุรี, สมุทรปราการ, ปทุมธานี, ชลบุรี, เชียงใหม่, ระยอง, ประจวบคีรีขันธ์, ภูเก็ต และนครราชสีมา ตามลำดับ
ทั้งนี้ 10 จังหวัดดังกล่าว มีสัดส่วนจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือนรวมกันเท่ากับ 75.5% ของทั้งประเทศ และมีสัดส่วนมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนรวมกัน 88.6%
ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยมือสองทุกประเภทที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุดอยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 23,295 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 16.9 %
ส่วนระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนน้อยที่สุดคือ ระดับราคา 7.5-10 ล้านบาท มีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 7,432 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 5.4 %
รวมประกาศขายบ้านมือสองในกรุงเทพฯ
3. ธ.ออมสิน ผนึก 2 องค์กร ทำธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก หวังแก้หนี้นอกระบบ
ธนาคารออมสิน กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ลงนามบันทึกข้อตกลงการทำธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก ร่วมทุนจัดตั้งบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด
โดยตั้งเป้าช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และประชาชนทั่วไป ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนต้นทุนถูกลง และมีเงื่อนไขการกู้ที่เป็นธรรม เพื่อช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบ และสร้างการแข่งขันที่สมบูรณ์ในตลาดสินเชื่อที่ดินและขายฝาก
ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถจัดตั้งบริษัทฯ แล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 ปี 2565 เปิดตัวด้วยสินเชื่อที่ดิน อัตราดอกเบี้ย 7-9% ในระยะแรก หลังจากนั้นขยายผลไปทำธุรกิจขายฝากภายในสิ้นปี 2565 ก่อนจะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Non-Bank ในปี 2566 เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อบุคคลต่อไป
ตั้งเป้าปีแรกสามารถปล่อยสินเชื่อได้ 10,000 ล้านบาท ด้วยจุดแข็งด้านฐานลูกค้าของธนาคารออมสินที่มีจำนวนมาก และมีจุดบริการครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งสาขาของธนาคารออมสิน และทิพย กรุ๊ป รวมถึงจุดให้บริการน้ำมันบางจาก รวมกันกว่า 2,300 แห่ง ทั่วประเทศ

4. ส่องตลาดคอนโดวิวทะเลภูเก็ต ราคาขายเกือบ 2 แสน/ตร.ม.
ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ณ สิ้นปี 2564 อุปทานคอนโดมิเนียมในภูเก็ตมีจำนวนทั้งสิ้น 26,068 หน่วย
โดยตลอดทั้งปีที่ผ่านมาพบว่าไม่มีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในปี 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงรอดูสถานการณ์การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติและปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ จึงส่งผลให้ต้องชะลอการแผนการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปก่อน
จากการเก็บข้อมูลคอนโดมิเนียมที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2555 ถึง 2564 ที่เปิดขายส่วนใหญ่ จะอยู่บริเวณหาดป่าตอง 15%, หาดบางเทา 13%, หาดกมลาและหาดราไวย์ 12%, หาดสุรินทร์ 10%, หาดลายัน 8%, หาดกะรน 7%, หาดกะตะและหาดในยาง 6%, หาดไม้ขาว 5%, หาดในหาน 4% และหาดในทอน 2% ของอุปทานทั้งหมด
ด้านอุปสงค์ ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวนคอนโดมิเนียมที่ขายไปได้แล้วทั้งสิ้น 20,376 หน่วย จากอุปทานทั้งหมด 26,068 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ 78.1% อัตราการขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4% จากปี 2563 อยู่ที่ 75.7%
ปัจจุบันมีหน่วยเหลือขายประมาณ 5,720 หน่วย โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ในปี 2564 มีจำนวนหน่วยขายเพียง 615 หน่วยเท่านั้น ซึ่งจำนวนหน่วยขายลดลงจากปี 2563 ที่มีจำนวนหน่วยขายอยู่ที่ 1,956 หน่วย จำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 จากโควิค-19 ที่ยาวต่อเนื่องมาตลอด 2 ปี
โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีกลุ่มผู้ซื้อเป็นชาวรัสเซียถึงเกือบ 90% ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ตเป็นประจำทุกปี โดยจะซื้อผ่านเอเจนท์ในภูเก็ต เลือกซื้อโครงการที่สามารถบริหารเป็นโรงแรมและให้ผลตอบแทนค่าเช่าในแต่ละปี โดยเจ้าของห้องเองก็สามารถเข้าพักได้ในช่วงเวลาที่มาพักผ่อน ส่วนที่เหลืออีก 10% จะเป็นกลุ่มชาวไทยที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเป็นบ้านพักหลังที่สอง
อัปเดตค่านายหน้า หรือค่าใช้บริการซื้อ-ขายจากเอเจนท์ปี 2565
ราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ณ ปลายปี 2564 คอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเล มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 196,015 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ในอัตรา 1.6%
โดยในปี 2563 ราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเล มีราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ 192,758 บาทต่อตารางเมตร ส่วนราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลบางส่วนปี 2564 มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 97,541 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวลดลงจากปี 2563 ในอัตรา 2.2% ซึ่งมีราคาเสนอขายเฉลี่ย ณ ปี 2563 อยู่ที่ 99,745 บาทต่อตารางเมตร
ส่วนคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาเสนอขายในปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 76,526 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2564 ในอัตรา 0.45% ซึ่งราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลมีราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ 76,184 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลและไม่เห็นวิวทะเลมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ผู้ประกอบการมองว่าสถานการณ์กำลังจะเริ่มกลับมาดีขึ้น แม้อาจจะต้องใช้เวลา หลายโครงการมีแผนที่กำลังจะสร้างเสร็จ ส่งผลให้ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและคาดว่าหากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติราคาขายเฉลี่ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 10-15% โดยเฉพาะบริเวณที่เห็นวิวทะเลซึ่งสะท้อนได้จากหน่วยขายได้ในปีนี้ที่มีจำนวนมากกว่าบริเวณอื่น
แนวโน้มการกลับมาฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต คาดว่าในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ตลาดคอนโดมิเนียมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากกำลังซื้อของต่างชาติโดยเฉพาะนักลงทุนชาวรัสเซียที่เริ่มกลับมาซื้อตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา
5. เงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 13 ปี ดันค่าครองชีพเพิ่มเกือบ 250 บ./เดือน
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ที่ 7.10% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 13 ปี โดยมีผลพวงหลักมาจากกลุ่มสินค้าพลังงาน เทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 37.24% และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 6.18%
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 17,681 บาท ขณะที่เดือนพฤษภาคม ค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ที่ 17,927 บาท เพิ่มขึ้น 246 บาท โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น คือ
- ค่าเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า จาก 374 บาท เพิ่มเป็น 375 บาท
- ไข่และผลิตภัณฑ์นม จาก 374 บาท เพิ่มเป็น 377 บาท
- เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ จาก 384 บาท เพิ่มเป็น 385 บาท
- เครื่องปรุงอาหาร จาก 428 บาท เพิ่มเป็น 433 บาท
- ข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง จาก 646 บาท เพิ่มเป็น 651 บาท
- ค่าหนังสือ ค่าสันทนาการ ค่าเล่าเรียน และการกุศลต่าง ๆ จาก 750 บาท เพิ่มเป็น 752 บาท
- ผักและผลไม้ จาก 919 บาท เพิ่มเป็น 920 บาท
- ค่าแพทย์ ค่ายา และบริการส่วนบุคคล จาก 964 บาท เพิ่มเป็น 967 บาท
- อาหารบริโภคนอกบ้าน (ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง KFC Pizza) 1,211 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
- อาหารบริโภคในบ้าน เดลิเวอรี่ จาก 1,572 บาท เพิ่มเป็น 1,577 บาท
- เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ จาก 1,667 บาท เพิ่มเป็น 1,719 บาท
- ค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม เครื่องใช้ในบ้าน จาก 3,919 บาท เพิ่มเป็น 3,950 บาท
- ค่าโดยสารธารณะ ค่าซื้อยานพาหนะ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ จาก 4,233 บาท เพิ่มเป็น 4,370 บาท
นอกจากนั้นยังพบว่า สัดส่วนการบริโภคต่อครัวเรือนระหว่างเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม มีการเปลี่ยนแปลง คือ ค่าโดยสารธารณะ, ค่าซื้อยานพาหนะ, ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง, ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่มากที่สุด เดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จาก 23.94% เป็น 24.38% ส่วนค่าเช่าบ้าน, ค่าวัสดุก่อสร้าง, ค่าไฟฟ้า, ค่าก๊าซหุงต้ม และเครื่องใช้ในบ้าน เดือนพฤษภาคม ลดลงจากเดือนเมษายน จาก 2.17% เหลือ 22.03%
สรุปข่าวจาก PPTV Online: เทียบค่าครองชีพ เม.ย.-พ.ค.65 เพิ่มขึ้นอีกเกือบ 300 บาท
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
