5 เรื่องน่ารู้ก่อนลงทุน RMF

10 Nov 2016

“กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นตัวช่วยสำคัญในการออมเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ และยอดเงินลงทุนสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้” – K-Expert

 

เมื่อพูดถึงการออมเงินระยะยาวเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณ RMF เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับทั้งผลตอบแทนและสิทธิลดหย่อนภาษี แต่ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนดังกล่าว มี 5 เรื่องควรรู้ดังนี้

1. ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
เมื่อซื้อ RMF แล้วต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี ขั้นต่ำ 3% ของรายได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี หรือ 5,000 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า ทั้งนี้ สามารถหยุดการซื้อชั่วคราว “ปีเว้นปี” ได้ โดยห้ามหยุดลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน ยกเว้นปีใดไม่มีเงินได้ก็ไม่ต้องลงทุน แต่ปีที่หยุดซื้อนั้นไม่นับเป็นปีลงทุน และการลงทุน RMF ต้องซื้อและถือหน่วยลงทุนต่อเนื่องจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และมีการลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี (การนับ 5 ปีจะนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุน และนับแบบวันชนวัน โดยนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุนครั้งแรก)

2. รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 2 ส่วน
ส่วนแรก เงินลงทุนใน RMF นำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่ลงทุนจริง สูงสุดไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี และเมื่อนับรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนรวมสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท อีกส่วนหนึ่ง เมื่อลงทุนครบเงื่อนไข 5 ปีแล้ว หากหน่วยลงทุนมีกำไรจากการขายคืน (Capital Gain) ไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ แต่หากลงทุนใน RMF เกินจำนวนเงินที่มีสิทธิลงทุนได้ เมื่อขายคืนแล้วมีกำไร กำไรจากการขายคืน (นับเฉพาะส่วนเงินลงทุนที่เกินสิทธิ) จะต้องเสียภาษีเงินได้

3. นโยบายการลงทุน RMF มีหลายประเภท
ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำจนถึงความเสี่ยงสูง เพื่อให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนได้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในแต่ละช่วงอายุ ทำให้การลงทุนใน RMF สามารถตอบโจทย์การลงทุนคนๆ หนึ่งได้ทุกช่วงชีวิต ยกตัวอย่างเช่น
– วัยเริ่มทำงาน (รับความเสี่ยงได้สูง) เหมาะกับ RMF ที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง เพื่อเน้นสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน เช่น หุ้น กองทุนประเภทนี้จะให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีโอกาสขาดทุนสูง
– วัยกลางคน (รับความเสี่ยงได้ปานกลาง) เหมาะกับ RMF ที่ลงทุนผสมในตราสารหนี้และตราสารทุน นโยบายการลงทุนประเภทนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้นมากเกินไป และได้รับผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว
– วัยก่อนเกษียณ (รับความเสี่ยงได้ต่ำ) เหมาะกับ RMF ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ เงินฝาก เหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นรักษาเงินต้น แต่ต้องยอมรับผลตอบแทนที่ไม่สูงนัก

4. ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล RMF
ทุกกองจะไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เพื่อให้เงินลงทุนใน RMF เป็นเงินเก็บสะสมไว้ใช้ในยามเกษียณอย่างแท้จริง

5. สามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน RMF ที่ถือครองอยู่ได้
ยกตัวอย่างเช่น ปี 2559 ลงทุนใน RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้น หากในช่วงต่อมา ตลาดหุ้นเปลี่ยนเป็นขาลง ผู้ลงทุนสามารถย้ายหน่วยลงทุนไปยัง RMF ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารประเภทอื่นได้ โดยสิ่งที่ควรคำนึงคือ หน่วยลงทุนที่เราสับเปลี่ยนนั้นจะไม่ถือว่าเป็นการลงทุนใหม่ จึงไม่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีในปีนั้นได้

จะเห็นได้ว่า RMF มีความยืดหยุ่นในการลงทุนค่อนข้างมาก หากกำลังมองหากองทุนรวมเพื่อลดหย่อนภาษี RMF จึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งให้ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นเงินเก็บออมไว้ใช้ยามเกษียณ และที่สำคัญยังสามารถเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในแต่ละช่วงชีวิตด้วย

สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับไฟแนนซ์เพิ่มเติมได้ที่ www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/category/th-fn รวมถึงรีวิวโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ที่คุณอาจสนใจเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนหรือหาที่อยู่อาศัย

 

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย นิชฌานี ฉันทศาสตร์ CFP  K-Expert ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับ K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com
POST COMMENT

You may also like these articles

ข้อควรรู้ก่อนลดหย่อนภาษีด้วย LTF

“กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สามารถลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุดร้อยละ 15

Continue Reading3 Nov 2016