ประกันสังคม 750 ที่มนุษย์เงินเดือนจ่ายไป ก็นำมาลดหย่อนภาษีได้

Kittikom 22 Dec 2016

ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ใกล้ถึงเวลาที่มนุษย์เงินเดือนทุกคนต้องทำหน้าที่โดยการจ่ายภาษีบุคคลธรรมดา โดยทางภาครัฐก็ได้ออกนโยบายต่างๆ มาเพื่อให้บุคคลธรรมดาได้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น และนำรายการต่างๆ ที่ผ่านมามาขอลดหย่อนภาษีได้ โดยสามารถดูรายการลดหย่อนภาษีของปี 2559 ได้ที่ รวมสินค้าลดหย่อนภาษีปลายปี 59 สนองนโยบายช้อปช่วยชาติ  รายการที่คนให้ความสนใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นมาตรการช็อปช่วยชาติ ที่สามารถนำเงินค่าใช้จ่ายที่เพดาน 15,000 บาท ไปลดหย่อนภาษีตามรายได้สุทธิได้ ดังนี้

2016-12-14_11-27-57

นอกจากนั้น อีกหนึ่งรายการที่มนุษย์เงินเดือนไม่ควรมองข้ามก็คือ การลดหย่อนภาษีจากการจ่ายประกันสังคม โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้นทำงาน คงกำลังสับสนว่าการหักเงินเดือนเข้ากองทุนประกันสังคมทุกๆ เดือน เดือนละ 750 นั้น สามารถนำไปใช้สิทธิอะไรได้บ้าง ทั้งนี้สวัสดิการประกันสังคมจะครอบคลุมผู้ประกันตน 7 กรณีด้วยกัน ได้แก่ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และการว่างงาน โดยจะแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง ในกรณีที่ถึงเวลาเกษียณอายุหรือลาออกจากประกันสังคม เราก็มีสิทธิ์ได้รับเงินบำเหน็จหรือบำนาญ โดยมีเงื่อนไขว่าเราต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 180 เดือน นอกจากงานเงินที่เราสบทบมาตลอดมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริงโดยมีเพดานสูงสุงไม่เกิน 9,000 บาทต่อปีตามที่จ่ายจริง อันมาจากการคำนวณรายได้สูงสุดที่เดือนละ 15,000 บาท หรือ 750 x 12 เดือนก็จะได้ 9,000 บาทและใช้ในการลดหย่อนได้พอดี ซึ่งหากใครที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท ก็ให้นำเงินเดือน ไปคูณ 5 % (อัตราประกันสังคมที่ต้องจ่ายต่อเดือน) และนำผลลัพธ์มาคูณ 12 เดือน

ตัวอย่าง

กรณีเงินเดือน 12,000 บาท แต่จำเป็นต้องจ่ายภาษี เนื่องจากมีรายได้สุทธิจากทางอื่นเกิน 150,001 บาท แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เท่ากับว่าเงินที่สามารถเอามาหักลดหย่อนภาษีได้จะเท่ากับ 12,000 x 5% = 600 บาท (เงินที่ต้องจ่ายเข้ากองทุนสมทบ) x 12 เดือน ก็จะเท่ากับว่าเงินประกันสังคมต่อปีที่สามารถเอามาหักลดหย่อนได้ = 7,200 บาท (ไม่เกิน 9,000) บาท

โดยผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์ใช้เงินประกันสังคมในการลดหย่อนภาษีนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยจะมีสิทธิประโยชน์ต่างกัน ดังนี้

m33m39E

ผู้ประกันตนภาคบังคับ (มาตรา 33)

ผู้ประกันตนในกลุ่มนี้ คือ พนักงานบริษัทเอกชนทั่วไป ซึ่งมีสถานะเป็นลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการที่มีพนักงานตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และไม่เกิน 60 ปี โดยต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุน คิดเป็นสัดส่วนดังนี้ ลูกจ้าง 5%  + นายจ้าง 5% + รัฐบาล 2.75% ของฐานเงินค่าจ้าง ขั้นต่ำตั้งแต่ 1,650 บาท แต่ไม่เกิน 15,000 บาท สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนภาคบังคับ (มาตรา 33) จะได้รับความคุ้มครอง มีดังนี้ กรณีเจ็บป่วย / อุบัติเหตุ กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีคลอดบุตร กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน

ผู้ประกันตนภาคสมัครใจ (มาตรา 39)

ผู้ประกันตนตามมาตรานี้ คือ บุคคลที่เคยทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนในมาตรา 33 มาก่อนแล้วลาออก แต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมไว้ จึงสมัครเข้าใช้สิทธิประกันสังคมในมาตรา 39 แทน การสมัครประกันสังคมในกลุ่มนี้ มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 มาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 เดือน และลาออกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน อีกทั้งต้องไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ ผู้ประกันตนต้องส่งเงินเข้ากองทุน 432  บาทต่อเดือน และรัฐบาลจะช่วยสมทบอีก 120 บาทต่อเดือน ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จะได้รับความคุ้มครอง ดังนี้ กรณีเจ็บป่วย / อุบัติเหตุ กรณีทุพพลภาพ กรณีเสียชีวิต กรณีคลอดบุตร กรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพ

โดย ผู้ประกันตนในมาตรา 33 ทางบริษัทที่เป็นผู้ว่าจ้างจะมีฝ่ายบุคคลเป็นคนจัดการให้และสรุปยอดการหักลดหย่อนออกมาเป็นเอกสารที่เรียกว่าใบทวิ 50 ส่วน ผู้ประกันตนภาคสมัครใจ มาตรา 39 สามารถติดต่อขอหนังสือรับรองการชำระเงินสมทบกองทุนทั้งปี เพื่อไปยื่นลดหย่อนภาษีได้

ทั้งนี้หากใครยังไม่เคยเสียภาษีมาก่อน หรือ เป็นมนุษย์เงินเดือนหน้าใหม่ ก็ควรเริ่มต้นศึกษาการเสียภาษีได้แล้ว เพราะเป็นเรื่องของสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับส่วนตัว โดยสามารถ เริ่มต้นเรียนรู้การเสียภาษี สำหรับมนุษย์เงินเดือนมือใหม่ ได้ที่นี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทบทวนประกันสังคมใหม่อีกครั้ง เงินที่ถูกเก็บไว้ได้อะไรใหม่จากเดิม 

มนุษย์เงินเดือนทำอะไรผิด ทุกเดือนที่จ่าย 750 จึงเบิกมาใช้ไม่ค่อยได้ 

POST COMMENT

You may also like these articles

18 ข้อลดหย่อนปีภาษี 2559 แบบไม่ยั้ง

  นับถอยหลังอีกไม่กี่วัน เทศกาลเสียภาษีประจำปี 2560 ก็ได้มาเยือนให้เหล

Continue Reading30 Nov 2016