ผู้ประกอบการอสังหาฯ ดิ้นรับปี 61 เผยกลยุทธ์-จับตลาดใหม่ เพิ่มยอดขาย

25 Jan 2018

ในปีที่ผ่านมาจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ทำให้หลาย ๆ บริษัทผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องทำการบ้านกันอย่างหนักหน่วงเพื่อให้โครงการขายได้ แม้ว่าในช่วงปลายปีกำลังซื้อจะเริ่มกลับมาและตลาดมีการเติบโตเพิ่มขึ้น แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่มีปัจจัยท้าทายบริษัทผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายด้านเช่นเดียวกับในปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นภาพหลายๆ บริษัท เตรียมวางกลยุทธ์แก้เกมเพื่อแข่งขันกันตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด

จับตลาดใหม่-รุกต่างประเทศ

ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ที่เดินหน้าบุกตลาดคอนโดฯ ไฮเอนท์และต่างชาติ

ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ที่เดินหน้าบุกตลาดคอนโดฯ ไฮเอนท์และต่างชาติ

กลยุทธ์หนึ่งที่เห็นได้จากผู้ประกอบการหลาย ๆ บริษัท คือ การเจาะกลุ่มตลาดใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจหลังจากที่ตลาดเดิม ๆ มีภาวะซบเซา หรือมีผู้เล่นเป็นจำนวนมากแล้ว อาทิ บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งเป้าจะเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 7 โครงการ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยจะเป็นครั้งแรกของการบุกตลาดทั้งโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรีจับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์และชาวต่างชาติ โครงการแนวราบพัฒนาในรูปแบบทาวน์โฮม และโครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบ High Rise เพื่อปรับตัวรับการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้น ด้วยการขยายสินค้าไปในทุกสินค้า ทุกระดับราคา สร้างความยืดหยุ่นและบริหารความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ

เช่นเดียวกับ บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) ที่วางแผนว่าในปี 2561 จะเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท โดยกลยุทธ์หนึ่งคือการเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ อาทิ จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นการวางแผนทำการตลาดในระดับ International เพื่อสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน

แข่งขันด้วยนวัตกรรมที่อยู่อาศัย

เสนา บุกพัฒนาแผงโซลาเซลล์มากขึ้นกว่าเดิม

เสนาดีเวลลอปเม้นท์ บุกพัฒนาแผงโซลาเซลล์มากขึ้นกว่าเดิม

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาให้ความสำคัญคือการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุค 4.0 ที่เปลี่ยนไป อาทิ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่วางแผนเปิดตัวโครงใหม่ 18 โครงการ มูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท เตรียมตอกย้ำภาพผู้นำด้านพลังงานทดแทนหลังจากที่ผ่านมาได้นำพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์มาติดตั้งในโครงการซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนกลาง โดยต่อยอดรับนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) ตั้งเป้าเป็น “The First EV ready” จับกลุ่มลูกค้าบ้าน Segment 5-10 ล้านบาทเจ้าแรกของไทย นำร่อง 2 โครงการ ประกอบด้วย เสนา พาร์คแกรนด์ รามอินทรา-วงแหวน และเสนา พาร์ค วิลล์ รามอินทรา-วงแหวน

ขณะที่ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 18 โครงการ มูลค่ารวม 36,300 ล้านบาท จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยมากขึ้นด้วยระบบ PRO License Plate เทคโนโลยีกล้องสแกนป้ายทะเบียนรถ Visitor ทุกคันที่เข้า-ออก โครงการ สามารถตรวจสอบวัน เวลา และสถานที่ปลายทาง ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ และระบบ Face Detection ระบบกล้องตรวจจับใบหน้า ใช้สำหรับคนงาน ที่เข้า-ออกภายในโครงการ โดยระบบสามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมตรวจสอบบุคคลภายนอกที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นคนงาน ทำให้ลูกบ้านมั่นใจได้ ถึงความปลอดภัยภายในโครงการ

ปิดท้ายด้วย บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งปีนี้จะวางแผนจะเปิดโครงการใหม่ 35 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท จะนำระบบ Home automation ระบบ Home security เข้ามาใช้ในโครงการ รวมทั้งยังเดินหน้าพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เอื้ออำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้สูงอายุมากขึ้น

จะเห็นได้ว่าภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แต่ละบริษัทเริ่มปรับเปลี่ยนจากการใช้โปรโมชั่นเข้าห้ำหั่นกันเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นการใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมให้บริการดีขึ้น รวมทั้งการขยายตลาดไปสู่ตลาดใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และได้รับผลประโยชน์ในท้ายที่สุด

ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขายหรือให้เช่าหรือเช่าอสังหาฯ ในโซนรถไฟฟ้าสายอนาคต ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอีกหนึ่งแหล่งที่น่าสนใจคือรายงานดัชนีอสังหาฯ DDproperty Property Index  และ
รายงานภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ DDproperty Property Market Outlook 

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

POST COMMENT

You may also like these articles