สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 18-22 ต.ค. 64

24 Oct 2021

มาตรการ LTV หนุนสินเชื่ออสังหาฯ โต

เกาะติดประเด็นข่าวน่าสนใจรอบสัปดาห์ ผู้ประกอบการจับตลาดที่อยู่อาศัยราคาล้านต้น ๆ เอาใจคนซื้อบ้าน พร้อมจับตาอสังหาฯ ภาคใต้ ปัจจัยบวกหนุนดีมานด์ และมาตรการกระตุ้นต่างชาติ ลงทุน-ท่องเที่ยวไทย หลังเปิดประเทศ DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่

Subscription Banner for Article

 

1. มาตรการ LTV หนุนสินเชื่ออสังหาฯ โต

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การผ่อนเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่อง (มาตรการ LTV) โดยปรับเพดาน LTV เป็น 100% ชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2565 จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการซื้อที่อยู่อาศัย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของตลาดที่อยู่อาศัยและการปล่อยสินเชื่อบ้านของสถาบันการเงินในช่วงที่เหลือของปีนี้และในปี 2565 ที่ยังเต็มไปด้วยหลายปัจจัยท้าทาย

หากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น สถานการณ์โควิดทุเลาลง ภาวะเงินเฟ้อในประเทศไม่รุนแรง การผ่อนปรนเกณฑ์มาตรการ LTV ในครั้งนี้ จะช่วยหนุนให้ตลาดที่อยู่อาศัยทยอยปรับตัวดีขึ้นในช่วงปี 2565

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศตลอดช่วงเวลาของมาตรการฯ จะเพิ่มขึ้นจากที่เคยคาดไว้คิดเป็นมูลค่าราว 18,000-30,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีมาตรการฯ

ขณะเดียวกัน ผลของการผ่อนคลายมาตรการ LTV คงจะเปิดโอกาสให้สินเชื่อบ้านเติบโตในกรอบที่สูงขึ้นในปี 2565 โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินเบื้องต้นว่า การผ่อนปรนมาตรการ LTV จะทำให้สินเชื่อบ้านปี 2565 มีโอกาสเติบโตเพิ่มเติมได้ประมาณ 0.3-0.7% ไปอยู่กรอบ 4.8-5.2% สูงขึ้นกว่ากรอบคาดการณ์ปี 2564 ที่ 4.2-4.5%

ประเด็นติดตามจะอยู่ที่การประเมินความพร้อมในการก่อหนี้ก้อนใหม่หรือรีไฟแนนซ์หนี้เดิม ซึ่งครอบคลุมถึงความเสี่ยงด้านเครดิตและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่อาจเผชิญปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด รวมถึงสถานการณ์รายได้และการจ้างงานที่อาจยังไม่กลับสู่ภาวะปกติอย่างเต็มที่ อันจะมีผลต่อเงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อสำหรับลูกหนี้แต่ละรายในท้ายที่สุด

 

2. บ้านล้านหลัง ราคาไม่เกิน 1.2 ล้าน มีกว่า 4,300 ยูนิต

โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เดินหน้าต่อเนื่อง ช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงาน และผู้สูงอายุ ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในระดับราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกเท่ากับ 1.99% ต่อปี เงินงวดคงที่ 84 งวดแรก (7 ปี)

โดยมีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 58,955 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 70,746 ล้านบาท มีลูกค้าที่เอกสารพร้อมและยื่นกู้ที่สาขาของธนาคารแล้ว 1,976 ราย วงเงินสินเชื่อ 1,688 ล้านบาท และธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน 1,388 ราย วงเงินสินเชื่อ 1,129 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงสนใจของประชาชนจำนวนมากที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้ให้ความสนใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาทเพิ่มต่อเนื่อง

ล่าสุด ธอส. ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการย่านบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ในโครงการบ้านล้านหลัง จำนวน 324.6 ล้านบาท สำหรับใช้เป็นค่าที่ดินและค่าก่อสร้างอาคารคอนโด 10 อาคาร รวม 790 ยูนิต ราคาขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อยูนิต ไม่น้อยกว่า 40% ของหน่วยขายทั้งหมด คิดอัตราดอกเบี้ย MLR-1.25% ต่อปี ผ่อนดาวน์เริ่มต้นเดือนละ 1,500 บาท พร้อมเตรียมวงเงินสนับสนุนสินเชื่อรายย่อย สำหรับลูกค้าของโครงการ 700 ล้านบาท

นับเป็นโครงการลำดับที่ 10 ที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง จาก ธอส. ซึ่งได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการไปแล้วรวมกว่า 1,300 ล้านบาท ทำให้มีที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทในตลาด แล้วกว่า 4,300 ยูนิต

อัปเดต! ดอกเบี้ยบ้าน 2564 ทุกธนาคาร

 

3.10 ปี อสังหาฯ ใต้ ปัจจัยบวกปลุกดีมานด์คอนโดหาดใหญ่

คอลลิเออร์ส เผยภาพรวมตลาดคอนโดในหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ณ สิ้นครึ่งแรกปี 2564 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากโครงการคอนโดขนาดใหญ่หลายโครงการจากผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์และผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ ปิดการขายทั้งโครงการได้ในปี 2563 ที่ผ่านมา พร้อมลุยเปิดโครงการใหม่

โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีโครงการคอนโดเปิดขายใหม่ทั้งหมด 37 โครงการ 9,693 ยูนิต มูลค่าการพัฒนา 27,313 ล้านบาท ซึ่งพบว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ค่อนข้างคึกคักในช่วงปี 2555-2556 โดยเฉพาะในปี 2555 ที่มีการเปิดตัวสูงกว่า 3,550 ยูนิต หลังจากนั้นอุปทานเปิดขายใหม่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั้งในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา การเปิดตัวโครงการใหม่กลับมาคึกคักอีกครั้ง มียูนิตเปิดขายใหม่มากกว่า 1,000 ยูนิต

แม้จะมีปัจจัยลบกระทบภาพรวมของเศรษฐกิจภาคใต้ แต่อำเภอหาดใหญ่ถือเป็นศูนย์กลางของธุรกิจในภาคใต้ มีนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังฝั่งไทยที่บริเวณด่านสะเดา (ด่านนอก) และด่านปาดังเบซาร์ ปีละมากกว่า 2-3 ล้านคน ช่วงก่อนโควิด-19

นอกจากนี้ยังมี Mega Project ของกระทรวงคมนาคม เช่น การสร้างโมโนเรล รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์สายหาดใหญ่-สะเดา เพื่อรองรับ AEC เชื่อมต่อการขนส่งสินค้าระหว่างไทย-มาเลเซีย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญของตลาดคอนโดในอนาคต

ทั้งนี้ คอนโดในหาดใหญ่ กำลังเป็นที่นิยมของคนหาดใหญ่รุ่นใหม่ โดยเฉพาะบรรดานักธุรกิจในพื้นที่หรือนักธุรกิจที่ต้องเดินทางมายังอำเภอหาดใหญ่ บุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการ และผู้ปกครองของนักเรียนนักศึกษา ที่ต้องการที่พักอาศัยให้บุตรหลานในช่วงที่กำลังศึกษา นักธุรกิจจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องการที่พักอาศัยในอำเภอหาดใหญ่ รวมถึงกำลังซื้อต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าชาวมาเลเซีย และกลุ่มของนักลงทุน 5-10%

แนวโน้มตลาดอสังหาฯ จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ฉบับล่าสุด

ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ Flexible Plus Program

4. ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ Flexible Plus Program

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียวคนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการทำงาน รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุน เพื่อเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program

รูปแบบโครงการ Flexible Plus Program ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องลงทุนในประเทศไทยตามประเภทของการลงทุนที่กำหนด ในมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับจากเข้าร่วมโครงการ

ผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถขอรับใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ในราชอาณาจักรได้ เพื่อให้สามารถรองรับกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและกำลังซื้อสูง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง

โดยคนต่างด้าวที่ได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุไม่เกิน 20 ปี สามารถขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา เป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน(Non-Immigrant Visa) มีระยะเวลาคราวละ 5 ปี ตลอดระยะเวลาการลงทุนในโครงการ Flexible Plus Program

สำหรับการลงทุนของคนต่างด้าวที่จะได้รับสิทธิดังกล่าวจะลงทุนได้ใน 3 ประเภท คือ ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ตามสิทธิของชาวต่างชาติที่พึงได้รับ ลงทุนในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด และลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ หรือหน่วยลงทุนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกันไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program จำนวน 10,000 ราย ซึ่งจะทำให้มีเงินหมุนเวียนภายในประเทศจากการลงทุนประมาณ 300,000 ล้านบาท

อ่านข่าว ครม. เคาะแพคเกจดึงต่างชาติลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แสนล้าน เพิ่มเติม

 

5. เปิดผลสำรวจชี้ สุขภาพจิตคนไทยเกินครึ่งแย่ลง

เปิดผลสำรวจกรุงเทพโพลล์ คนไทยทั่วประเทศ 1,159 คน ถึงสถานการณ์สุขภาพจิตและผลกระทบจากโควิด 19 ในช่วงที่ผ่านมา โดยเก็บข้อมูลระหว่าง 4-6 ต.ค. 2564 พบประเด็นน่าสนใจ 4 ข้อ

1) ครึ่งหนึ่งของคนไทย รู้สึกสุขภาพจิตแย่ลง โดยผลสำรวจพบว่า 50.2% ของกลุ่มตัวอย่างตอบว่าสุขภาพจิตแย่ลงในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ 41.9% มีสุขภาพจิตเหมือนเดิม และ 7.9% ตอบว่าสุขภาพจิตดีขึ้น

2) ปัจจัยที่กระทบสุขภาพจิตคนไทยมากสุดในปีนี้ คือ โควิด รองลงมา คือ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดยพบว่า โควิดยังเป็นปัญหาใหญ่ 51.6% หรือเกินครึ่งของประชากร มีสุขภาพจิตแย่ลง เครียด วิตกกังวล เพราะกลัวโควิดกลับมาระบาดใหม่ ขณะที่ 44.9% ยังกลัวติดโควิด และ 13.5% กังวลเรื่องการฉีดวัคซีน

ปัจจัยอื่น ๆ รองลงมา ที่สร้างความเครียดให้คนไทย ได้แก่ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ พบว่า 43.1% มีรายได้ไม่พอใช้จ่าย มีหนี้ 15.3% กังวลเรื่องการทำธุรกิจ ธุรกิจเจ๊ง 10.2% กังวลเรื่องตกงาน ไม่มีงานทำ 9.7% กังวลเรื่องถูกลดเงินเดือน ไม่มีโบนัส

ขณะที่ปัญหาอื่น ๆ ได้แก่ ปัญหาของบุตรหลานในการเรียนช่วงโรงเรียนปิด ปัญหาการเรียนออนไลน์ ปัญหาน้ำท่วม พบว่า 31.7% กังวลว่าบุตรหลานจะเรียนได้ช้า เป็นห่วงเรื่องคุณภาพการศึกษา และ 18.1% กังวลกับปัญหาน้ำท่วม

3) หลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ การได้เล่นกีฬา ไปสวนสาธารณะ ช่วยคลายเครียดให้ประชาชนมากสุด โดย 1 ใน 5 ของผลสำรวจระบุ กิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด คือ การได้ไปเล่นกีฬา วิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะ รองลงมา 17.2% เดินเล่น ช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า 16% เข้ร้านเสริมสวย ทำเล็บ ตัดผม 14.2% กินอาหารที่ร้านอาหารและคาเฟ่ 9.9% เที่ยวต่างจังหวัด และ 2.3% ไปนวดหรือสปา

4) แม้รัฐบาลออกมาตรการผ่อนปรน แต่มีประชากรมากถึง 44.9% เลือกอยู่บ้าน ไม่ไปไหน เพราะกลัวติดโควิด

อ่านข่าว โจทย์ใหญ่เศรษฐกิจ แม้รัฐคลายล็อก คนไม่กลับมาใช้ชีวิตปกติ เอกชนไม่ลงทุน เพิ่มเติม

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

POST COMMENT

You may also like these articles