สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 23-27 ส.ค. 64

28 Aug 2021

คาดปี 64 ต่างชาติซื้อห้องชุดมากขึ้นกว่าปีก่อน

ทิศทางอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง 2564 ทั้งตลาดแนวสูงและแนวราบ มาตรการดึงต่างชาติซื้ออสังหาฯ ไทย และแนวโน้มหนี้ครัวเรือน สินเชื่อบ้านที่ยังคงต้องจับตา DDproperty รวบรวมมาอัปเดตให้ที่นี่

Subscription Banner for Article

1. คาดปี 64 ต่างชาติซื้อห้องชุดมากขึ้นกว่าปีก่อน

บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA เผยผลการสำรวจการซื้อห้องชุดของชาวต่างชาติในครึ่งแรกปี 2564 มีการซื้อขายห้องชุดทั้งหมด 14,066 หน่วย เป็นการซื้อของชาวต่างชาติ 660 หน่วย หรือ 4.7% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด มูลค่าการซื้อขายโดยชาวต่างชาติเป็นเงิน 3,314 ล้านบาท หรือ 6.1% ของมูลค่าทั้งหมด 54,393 ล้านบาท

โดยต่างชาติซื้อห้องชุดในราคาเฉลี่ยที่ 5.018 ล้านบาท ขณะที่คนไทย ซื้อห้องชุดในราคาเฉลี่ยที่ 3.810 ล้านบาท เฉลี่ยทั้งสองกลุ่มซื้อห้องชุดในราคา 3.867 ล้านบาท และต่างชาติซื้อห้องชุดในราคาที่สูงกว่าคนไทยประมาณ 32%

หากแบ่งแยกตามทำเลหลัก ๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พื้นที่ที่ต่างชาตินิยมซื้อมากที่สุด 4 อันดับ คือ

อันดับที่ 1 เขตใจกลางเมือง เช่น ในเขตปทุมวัน พญาไท บางรัก ยานนาวา วัฒนา คลองเตย เป็นหลัก โดย ณ ครึ่งแรกของปี 2564 มีชาวต่างชาติซื้อถึง 159 หน่วย มูลค่า 1,341 ล้านบาท

อันดับที่ 2 โซนบางนา-เทพารักษ์ 138 หน่วย มูลค่า 874 ล้านบาท

อันดับที่ 3 โซนรัชดา-ลาดพร้าว 88 หน่วย มูลค่า 299 ล้านบาท

อันดับที่ 4 โซนอ่อนนุช-สุวรรณภูมิ 77 หน่วย มูลค่า 231 ล้านบาท

อันดับที่ 5 โซนกรุงธนฯ-บางพลัด 45 หน่วย มูลค่า 232 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปี 2564 คาดว่าจะมีต่างชาติซื้อห้องชุดรวม 1,320 หน่วย คิดเป็น 0.8% ของจำนวนหน่วย รวมมูลค่า 6,628 ล้านบาท คิดเป็น 6.1% ของมูลค่าทั้งหมด ในราคาเฉลี่ย 5.018 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าปี 2563 ที่มีต่างชาติมาซื้อห้องชุดจำนวนเพียง 1,017 หน่วย รวมมูลค่า 3,378 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ย 3.321 ล้านบาทต่อหน่วย ขณะที่ปี 2562 มีต่างชาติซื้อห้องชุดรวม 6,557 หน่วย คิดเป็น 7% ของจำนวนหน่วย รวมมูลค่า 30,516 ล้านบาท คิดเป็น 15% ของมูลค่าทั้งหมด

ในขณะที่ประเทศไทยกำลังหาทางศึกษาว่าจะให้ต่างชาติซื้อขายห้องชุด บ้านและที่ดิน รวมทั้งเช่าที่ดินระยะยาวในประเทศไทย แต่จากตัวเลขข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า แม้ในปีปกติเช่นปี 2562 ที่ต่างชาติสามารถมาซื้อห้องชุดอยู่แล้ว มีการซื้อเพียง 7% ของจำนวนหน่วยทั้งหมด ความต้องการซื้อห้องชุดของต่างชาติในไทยจึงไม่มากเพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้

เปิดทางต่างชาติ 4 กลุ่มหลัก ซื้อที่ดินในไทยได้

 

2. ตลาดคอนโดฟื้นตัวรอบ 10 ไตรมาส 

คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เผยผลการสำรวจตลาดคอนโดไตรมาส 2/64 พบว่า อัตราการขายเฉลี่ยของคอนโดเปิดขายใหม่ปรับตัวกลับมาสู่ระดับสูงที่สุดในรอบ 10 ไตรมาส แสดงถึงแนวโน้มที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง

โดยคาดการณ์ทิศทางตลาดคอนโดพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ภาพรวมซัพพลายเปิดขายใหม่มีเพียง 9,000 ยูนิต ส่งผลให้ซัพพลายในปีนี้มีจำนวน 15,079 ยูนิตเท่านั้น ปรับตัวลดลง 32.3% เทียบกับปี 2563 ผู้ประกอบการเริ่มแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

ทั้งนี้ ภาพรวมซัพพลายคอนโดเปิดขายใหม่พื้นที่กรุงเทพฯ ณ สิ้นไตรมาส 2/64 มี 4 โครงการ 2,471 ยูนิต มูลค่าลงทุน 6,432 ล้านบาท ลดลง 31.5% เทียบกับไตรมาส 1/63 ที่มีจำนวน 1,137 ยูนิต ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก 2564 มีซัพพลายใหม่เพียง 14 โครงการ รวม 6,079 ยูนิต มูลค่าลงทุน 28,772 ล้านบาท ลดลง 14.2% จากช่วงเดียวกันของปี 2563

ด้านอัตราขายเฉลี่ยของตลาดรวมอยู่ที่ 61% สูงที่สุดของโครงการคอนโดเปิดขายใหม่ ในรอบ 10 ไตรมาสที่ผ่านมา จากการที่ผู้ประกอบการบางรายมีการนำยูนิตบางส่วนของโครงการซึ่งตั้งอยู่ใกล้แหล่งงาน สถานศึกษา และแนวรถไฟฟ้า ราคา 1-2 ล้านบาท มาเปิดขายออนไลน์ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากกำลังซื้อ สวนกระแสภาพรวมตลาด 

อ่านข่าวเพิ่มเติม: ไตรมาส 2 คอนโดขายเฉลี่ย 61% ฟื้นตัวนิวไฮรอบ 10 ไตรมาส

 

3. แนวราบไม่แผ่ว บ้านหรู 10 ล้านบาท ดีมานด์พุ่ง

ไนท์แฟรงค์ เผยตลาดคอนโดช่วงครึ่งแรกปี 2564 ยังคงหดตัว ผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้กำลังซื้อคอนโดมิเนียมจากผู้ซื้อชาวไทยยังคงลดลง และกำลังซื้อจากชาวต่างชาติยังคงไม่กลับมา โดยอุปทานสะสมของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 652,081 หน่วย ช่วงครึ่งปีแรก 2564 โดยมี 6,293 หน่วย มาจาก 20 โครงการที่เปิดตัวในครึ่งปีแรก 2564 โดยอุปทานใหม่ในครึ่งปีแรก 2564 ลดลง 38.7% เมื่อเทียบกับอุปทานใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563

ผู้ประกอบการเลื่อนหรือชะลอการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เป็นไตรมาสที่ 4 ปี 2564 หันมาเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ เพื่อรองรับกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นเรียลดีมานด์ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย และเแนวโน้มการทำงานจากที่บ้าน (work from home) ทำให้ผู้ซื้อต้องการบ้านขนาดใหญ่หรือมีจำนวนห้องเพิ่มเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำงาน

หากจำแนกตามระดับราคา พบว่า บ้านที่มีความต้องการสูงที่สุดมีราคาขายระหว่าง 10-20 ล้านบาท โดยมียอดขายสะสม 7,218 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ 61% ส่วนบ้านราคาขายระหว่าง 21-30 ล้านบาท และ 31-40 ล้านบาท มีความต้องการอยู่ที่ 2,612 หน่วย และ 1,871 หน่วย ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการขายที่ 77% และ 73% ตามลำดับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม: ซัพพลายคอนโดครึ่งแรกหดตัว

ครัวเรือนก่อหนี้เพิ่ม ทั้งหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน

4. ครัวเรือนก่อหนี้เพิ่ม ทั้งหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า การขยายตัวของหนี้สินครัวเรือน ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการเลื่อนและพักชำระหนี้ที่ทำให้ยอดหนี้คงค้างไม่ลดลง รวมทั้งครัวเรือนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 มีการก่อหนี้เพิ่มขึ้น

โดยหนี้สินเพื่อการอุปโภค-บริโภคส่วนบุคคลของครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต ไตรมาส 1 ปี 2564 สินเชื่อเพื่อการอุปโภค-บริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 6.5% สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาสหนึ่ง ปี 2563 จากการขยายตัวของสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิตที่ขยายตัว โดยสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัว 6.0% เพิ่มขึ้นมากจากการหดตัว 1.3% ในไตรมาสก่อน ตามสภาพเศรษฐกิจที่ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 เริ่มฟื้นตัวและประชาชนใช้จ่ายมากขึ้น บางส่วนเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันผ่าน Online Platform และบัตรกดเงินสด

8 วิธีปรับโครงสร้างหนี้ ที่คนมีหนี้ต้องรู้

สินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ขยายตัว 6.0% เพิ่มจาก 5.3% ในไตรมาสก่อนจากมาตรการกระตุ้นการขายของผู้ประกอบการและมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง ขณะที่สัดส่วนหนี้เพื่อการอุปโภค-บริโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.92% เพิ่มขึ้นจาก 2.84% ในไตรมาสก่อน ความสามารถในการชำระหนี้ด้อยลงเกือบทุกประเภท ยกเว้นสินเชื่อที่อยู่อาศัย สะท้อนให้เห็นว่าครัวเรือนมีความสามารถในการหารายได้ลดลง สถานะทางการเงินเปราะบางมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินได้ช่วยเหลือครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ลดภาระทางการเงิน ป้องกันการเป็น NPL ติดเครดิตบูโร และฟ้องร้องคดีในศาล

อ่านข่าวเพิ่มเติม : หนี้ครัวเรือนกระฉูด ไตรมาสแรกแตะ 14.13 ล้านล้าน

 

5. จับสัญญาณตลาดอสังหาฯ ชะลอยาวถึงปี 68

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ชี้โควิดระลอก 3 ระลอก 4 ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ลดการขอจัดสรรลง ไตรมาส 2 ของปีนี้ต่ำกว่าก่อนโควิด-19 ถึง 41.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้วลดลง 37-46% และพัฒนาบ้านจัดสรรที่มีราคาสูง ลดพัฒนาบ้านราคาต่ำ

โดยครึ่งแรกปี 2564 ทั่วประเทศมีออกใบอนุญาตจัดสรร 30,514 หน่วย เฉพาะกรุงเทพฯ- ปริมณฑล มีออกใบอนุญาต 14,863 หน่วย ลดลง 40.7% เปิดตัวใหม่ 12,740 หน่วย มูลค่า 66,123 ล้านบาท โดยจำนวนหน่วยลดลง 57.3% ส่วนมูลค่าลดลง 51.8% เป็นผลจากยอดขายชะลอตัวและมีหน่วยเหลือขายสะสมในตลาด

ด้านการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งประเทศอยู่ที่ 120,023 หน่วย มูลค่า 377,520 ล้านบาท โดยจำนวนหน่วยลดลง 28.8% มูลค่าลดลง 10.7% เฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลโอนกรรมสิทธิ์ลดลง 16.2% เป็นบ้านจัดสรรลดลง 5.2% อาคารชุดลดลง 27.1%

ขณะที่การปล่อยสินเชื่อใหม่ทั่วประเทศ ครึ่งปีอยู่ที่ 294,959 ล้านบาท มีสินเชื่อคงค้างกว่า 4.3 ล้านล้านบาท คาดปีนี้มีสินเชื่อปล่อยใหม่ 586,040 ล้านบาท ลดลง4.3% และมีสินเชื่อคงค้างกว่า 4.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1%

ทั้งนี้ ได้มีการปรับคาดการณ์ใหม่ โดยภาพรวมการออกใบอนุญาตจัดสรรปีนี้จะลดลง 22.1% ปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 25.2% และจะเข้าสู่ช่วงปกติในปี 2568 ขณะที่แนวโน้มโครงการเปิดใหม่จะลดลง 35% มาอยู่ที่ 43,051 หน่วย โดยอาคารชุดลดมากถึง 44.3% บ้านจัดสรรลดลง 27.4% จะเข้าสู่ช่วงปกติในปี 2568-2569  ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ลดลง 24.6% เหลือเพียง 270,151 หน่วย จะเข้าสู่ช่วงปกติในปี 2570

อ่านแนวโน้มตลาดอสังหาฯ จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ฉบับล่าสุด

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

POST COMMENT

You may also like these articles