สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 13-17 ก.ย. 64

18 Sep 2021

คาดครึ่งแรกปี 65 โครงการใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น 95.8%

ตลาดอสังหาฯ รอบสัปดาห์ จับตาตัวเลขที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ GDP ความคืบหน้าอนาคตหัวลำโพง และการตรวจสอบผังเมืองก่อนใข้ประโยชน์ที่ดิน ที่ทำได้ด้วยตัวเอง DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่

Subscription Banner for Article

 

1. คาดครึ่งแรกปี 65 โครงการใหม่เข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น 95.8%

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประมาณการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ จะเข้าสู่ตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2564 จำนวน 53,693 หน่วย มูลค่ารวม 239,736 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 30,556 หน่วย มูลค่ารวม 152,659 ล้านบาท อาคารชุด 23,137 หน่วย มูลค่ารวม 87,077 ล้านบาท

แนวโน้มปี 2565 คาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จะเข้าสู่ตลาด 86,117 หน่วย มูลค่ารวม 374,368 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 37,792 หน่วย มูลค่ารวม 202,726 ล้านบาท และอาคารชุด 42,325 หน่วย มูลค่ารวม 171,642 ล้านบาท

โดยคาดว่าครึ่งแรกปี 2565 อัตราการขยายตัวของหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จะเพิ่มขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ถึง 95.8% และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 24.3% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ขณะที่มูลค่าในครึ่งแรกของปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 100.3% และเริ่มชะลอการขยายตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2565

ในส่วนของหน่วยขายได้ใหม่ คาดว่า ปี 2464 จะมีหน่วยขายได้ใหม่ 61,993 หน่วย มูลค่ารวม 292,616 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 31,999 หน่วย มูลค่ารวม173,652 ล้านบาท และอาคารชุด 29,994 หน่วย มูลค่า 118,965 ล้านบาท

คาดว่าครึ่งหลังปี 2564 จะมีหน่วยขายได้ใหม่มากกว่าครึ่งปีแรก หรือมีอัตราขยายตัวติดลบลดลงอยู่ที่ -6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าลดลง -10.3%

ปี 2565 คาดว่าจะมีหน่วยขายได้ใหม่ 75,843 มูลค่ารวม 341,472 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 35,070 หน่วย มูลค่า 180,421 ล้านบาท และอาคารชุด 40,773 หน่วย มูลค่า 161,051 ล้านบาท

โดยคาดว่าช่วงครึ่งแรกปี 2565 ตลาดที่อยู่อาศัยจะมียอดขายที่ดีขึ้นกว่าครึ่งแรกของปี 2564 อยู่ที่ 17.4% และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 26.9% ช่วงครึ่งหลังปี 2565 ขณะที่มูลค่าในครึ่งแรกของปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 11.0% และขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 22.3% ช่วงครึ่งหลังปี 2565

ทั้งนี้ เป็นการคาดการณ์จากการที่ไทยสามารถกระจายวัคซีนได้ทั่วถึง ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นในระดับที่สูงกว่าปี 2564 และคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัว 4.00%

แนวโน้มตลาดอสังหาฯ จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ฉบับล่าสุด

 

2. ดึงเม็ดเงินต่างชาติเข้าไทย จ่ายภาษีคงที่ 17% วีซ่า 10 ปี

คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ประกอบด้วย 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่

1) กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง

2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ

3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย

4) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ

เปิดทางต่างชาติ 4 กลุ่มหลัก ซื้อบ้านในไทยได้

โดยสิทธิประโยชน์ที่ชาวต่างชาติ 4 กลุ่มนี้ที่จะได้รับ คือ

1) สิทธิประโยชน์ วีซ่าผู้พำนักระยะยาวใหม่ (LTR visa) อายุ 10 ปี รวมถึงผู้ติดตาม หรือคู่สมรสและบุตร

2) ได้รับใบอนุญาตทำงานอัตโนมัติหลังจากอนุมัติ LTR

3) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้ในประเทศไทยในอัตราภาษีแบบก้าวหน้าเช่นเดียวกับผู้ถือสัญชาติไทย

4) ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ

5) สิทธิในการเป็นเจ้าของ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว ซื้อบ้านได้ในพื้นที่ที่กำหนด

6) มีสิทธิเลือกจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้ในประเทศไทยในอัตราภาษีแบบก้าวหน้าเช่นเดียวกับผู้ถือสัญชาติไทย หรืออัตราภาษีเงินได้คงที่ที่ 17% เช่นเดียวกับ Eastern Economic Corridor ซึ่งมีอีกชื่อเป็นภาษาไทยว่า “โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” หรือ EEC (ให้เฉพาะกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ)

โดยรัฐบาลตั้งเป้าดึงดูดผู้พำนักระยะยาวกว่า 1 ล้านล้านราย และใช้จ่ายในประเทศ 1 ล้านล้านบาทต่อปีต่อคนโดยเฉลี่ย และมีเม็ดเงินจากการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท ประมาณจากการลงทุนจากกลุ่มประชากรโลกประมาณ 1 หมื่นคน และกลุ่มผู้เกษียณอายุ 8 หมื่นคน

นอกจากนี้ยังมีรายได้ทางภาษี 2.7 แสนล้านบาท แบ่งออกเป็น 180,000 ล้านบาท จากภาษีส่วนบุคคล 70,000 ล้านบาท จากภาษีมูลค่าเพิ่ม และ 22,000 ล้านบาท จากภาษีที่เกี่ยวกับการลงทุน

อ่านข่าวเพิ่มเติม: ดึงเศรษฐีต่างชาติลงทุนไทย ถือวีซ่า 10 ปี-มีสิทธิซื้ออสังหาฯ

ปรับลด GDP เหลือโต 0.7% จี้ออกมาตรการเพิ่ม พยุงเศรษฐกิจ

3. ปรับลด GDP เหลือโต 0.7% จี้ออกมาตรการเพิ่ม พยุงเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2564 เหลือ 0.7% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 0.9% สาเหตุหลักจากโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเดินทางเข้าไทยน้อยกว่าเดิมตามความกังวลที่เพิ่มขึ้น

สะท้อนได้จากหลายประเทศที่มีการประกาศให้ไทยเป็นประเทศความเสี่ยงสูงด้านการระบาดโควิด-19 เช่น สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร จึงมีการปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวเหลือ 1.7 แสนคน จากเดิมคาด 3 แสนคน

นอกจากนี้ การใช้จ่ายของภาคเอกชนได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ สะท้อนจากดัชนีการบริโภคภาคเอกชนเดือนกรกฎาคมที่หดตัวถึง 8.1% YOY รวมถึงการลงทุนก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์คนงานในช่วงเดือนกรกฎาคม แม้ว่าจะกลับมาดำเนินการได้แล้ว แต่มาตรการ Bubble and seal ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นและทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพ

ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศจากการระบาดจะมีมากสุดในช่วงไตรมาส 3 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงต้นไตรมาส 4 จากแนวโน้มการฉีดวัคซีนครบโดสของประชากรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นและการกลับมาดำเนินการของกิจกรรมเศรษฐกิจ

แม้จะมีการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4 แต่คาดว่า ผลิตภัณฑ์่มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไทยในช่วงครึ่งหลังของปีจะติดลบแบบ % YOY โดยทั้ง 2 ไตรมาสสะท้อนผลกระทบที่รุนแรงของการระบาดที่ยืดเยื้อต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยปี 2564 ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคส่งออกและเม็ดเงินภาครัฐ โดยภาคส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่อัตราเติบโตจะชะลอลงในช่วงที่เหลือของปี ในส่วนของภาครัฐยังมีการเบิกจ่ายต่อเนื่องจากทั้งในงบประมาณและจากหลายมาตรการช่วยเหลือ แต่มาตรการที่มียังไม่เพียงพอ ภาครัฐจะต้องออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี

อ่านข่าวเพิ่มเติม: EIC ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 64 เหลือโต 0.7%

 

4. คืบหน้าหัวลำโพงโฉมใหม่ พิมพ์เขียวเสร็จ พ.ย. 64

กระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) หลังลดบทบาท ย้ายศูนย์การเดินทางระบบรางของไทยไปอยู่สถานีกลางบางซื่อ ใน 3 แนวทาง

รู้จักย่านหัวลำโพงให้มากขึ้น

1) สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการศึกษาการพัฒนาพื้นที่ให้มีความสอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน

โดยคำนึงถึงการเชื่อมต่อกับรูปแบบการเดินทางอื่น ๆ การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ การใช้พื้นที่สีเขียว การอนุรักษ์คุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ของพื้นที่ ซึ่งจะมีการนำกรณีศึกษาจากต่างประเทศมาใช้ในการพิจารณาร่วมด้วย คาดว่าจะสามารถนำเสนอแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ได้ในเดือนพฤศจิกายน 2564

2) พื้นที่ริมทางรถไฟ ช่วงสถานีกลางบางซื่อ-สถานีหัวลำโพง รฟท. เตรียมพัฒนาพื้นที่หลังสำรวจรายละเอียดตรวจสอบพื้นที่ก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง เช่น สายสีแดงส่วนต่อขยาย รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน การเชื่อมต่อสถานีจิตรลดา เป็นต้น คาดว่าจะสามารถนำเสนอแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ได้ในเดือนธันวาคม 2564

3) การพัฒนาพื้นที่ในเขตทางพิเศษ บริเวณเพลินจิต การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้หารือกับ รฟท. กำหนดแนวทางในการบูรณาการให้มีการพัฒนาพื้นที่ที่ต่อเนื่องกัน ปรับรูปแบบโครงการให้มีลักษณะที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกัน คาดว่าจะได้ผลสรุปร่วมกันในเดือนตุลาคม 2564

ทั้งนี้ ได้กำหนดรูปแบบการพัฒนาสถานีหัวลำโพงที่ชัดเจนโดยเร็ว รวมทั้งเร่งรัดแผนการพัฒนาสถานีหัวลำโพงที่เดิมกำหนดไว้ในช่วงปี 2568 ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม: “ศักดิ์สยาม” จี้คลอดพิมพ์เขียวหัวลำโพงโฉมใหม่ พฤศจิกายนนี้ 

 

5. เช็กผังเมืองและการใช้ประโยชน์ที่ดินได้ผ่านแอปฯ

กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้จัดทำระบบตรวจสอบผังการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมือง หรือ Landuse Plan เปิดช่องทางให้บริการประชาชนตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ภาคเอกชน ภาครัฐ ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลผังเมืองได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และทันสมัย ใน 3 ช่องทาง

1) Website: www.dpt.go.th

2. Mobile Application: Landuse PLAN

3. Line OA: DPT Information

ในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด ประชาชนไม่สะดวกเดินทางไปติดต่อขอรับบริการหรือขอเอกสารข้อมูลต่าง ๆ ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง และสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดได้ สามารถตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองได้ทุกแห่งทั่วประเทศ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่กรมโยธาธิการและผังเมือง และสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด

นอกจากนี้ยังสามารถสืบค้นตรวจสอบข้อมูลแผนผังและรายละเอียด ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน และข้อกำหนดควบคุมการก่อสร้างอาคาร ช่วยลดขั้นตอน และประหยัดเวลา

อ่านข่าวเพิ่มเติม: ยผ.เปิดให้บริการประชาชน ตรวจสอบผังเมืองใช้ประโยชน์ที่ดิน ผ่านแอปพลิเคชัน

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

POST COMMENT