ในรอบสัปดาห์นี้ ตลาดอสังหาฯ มีหลากหลายประเด็นน่าสนใจ ทั้งเรื่องออมก่อนกู้ มาตรการลดโอน-จดจำนอง ต่างชาติซื้อบ้านในไทย และแนวโน้มตลาดหลังโควิด-19 DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่
1. ท็อป 3 ต่างชาติซื้อคอนโดในไทย จีน-รัสเซีย-อังกฤษ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รวบรวมสถิติการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในภาพรวมทั้งประเทศ พบว่าการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงปี 2561-2563 มียอดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด 3 ปี สะสมรวม 1,408,310 ตารางเมตร
ภูมิภาคที่มีพื้นที่การถือครองกรรมสิทธิ์ 3 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 777,961 ตารางเมตร รองลงมาคือ ภาคตะวันออก 433,399 ตารางเมตร และภาคเหนือ 102,902 ตารางเมตร ตามลำดับ
ส่วนจังหวัดที่มีพื้นที่การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ 49.4% ชลบุรี 30.2% เชียงใหม่ 7.1% ภูเก็ต 4.9% และสมุทรปราการ 4.5%
ทั้งนี้ มีคนต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ห้องชุดเฉลี่ยทั้งประเทศเพียง 10.7% ของพื้นที่ห้องชุดทั้งหมด โดยภูมิภาคที่มีอัตราส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ภาคตะวันออก 29.7% ภาคเหนือ 20% ภาคใต้ 16.5% ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล พื้นที่มีคนต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุด กลับมีอัตราส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติเพียง 7.6%
สำหรับจำนวนหน่วยการซื้อที่อยู่อาศัยของต่างชาติทั่วประเทศยอดสะสมระหว่างปี 2561-2563 มีจำนวน 34,653 หน่วย มูลค่า 145,598 ล้านบาท แยกตามสัญชาติผู้ซื้อ 5 อันดับแรก ดังนี้
1) สัญชาติจีน ส่วนใหญ่ถือครองกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ ชลบุรี และสมุทรปราการ
2) สัญชาติรัสเซีย ส่วนใหญ่จะถือครองกรรมสิทธิ์ในชลบุรี ภูเก็ต และประจวบคีรีขันธ์
3) สัญชาติสหราชอาณาจักร ส่วนใหญ่ถือครองกรรมสิทธิ์ในชลบุรี กรุงเทพฯ และเชียงใหม่
4) สัญชาติฝรั่งเศส ส่วนใหญ่ถือครองกรรมสิทธิ์ในชลบุรี กรุงเทพมฯ และภูเก็ต
5) สัญชาติญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ถือครองกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ ชลบุรี และสมุทรปราการ
เปิดทางต่างชาติ 4 กลุ่มหลัก ซื้อบ้านในไทยได้
2. ฉีดวัคซีนอสังหาฯ หนุนออมก่อนกู้ แก้หนี้เสีย
สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า ระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยของไทยในปัจจุบัน ยังมีความไม่มั่นคงในระยะยาว เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ที่แม้ประสบปัญหาการระบาดของโควิด-19 แต่ระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่ได้รับผลกระทบ ต่างจากไทยที่ประสบปัญหาค่อนข้างมาก
ทางสมาคมฯ ได้เคยเสนอคณะกรรมการที่อยู่อาศัยแห่งชาติ จัดตั้งกองทุนสนับสนุนการออมก่อนกู้ หรือกองทุนเพื่อส่งเสริมหรืออุดหนุนที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นวัคซีนระยะยาวที่จะสามารถกระตุ้นทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ และทำให้ระบบผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมีความมั่นคง
โดยกองทุนนี้จะใช้ในการสนับสนุนการออมเงินดาวน์ ผู้ที่ออมเงินดาวน์ตามกำหนดระยะเวลาจะได้โบนัสจากการออม ผลตอบแทนตั้งแต่ 25-50% ขึ้นอยู่กับระดับรายได้ เป็นการช่วยเหลือผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางให้มีกำลังซื้อ ผู้ที่มีเงินออมสูง จะสามารถกู้เงินจากธนาคารได้ง่ายขึ้น และจะทำให้อัตราการปฎิเสธสินเชื่อลดลง เป็นระบบที่จะสามารถสร้างกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มั่นคงขึ้น รวมถึงแก้ปัญหาหนี้เสีย หรือค้างชำระได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม: สินเชื่อบ้านฯหนุนตั้งกองทุน ’ออม’ ก่อนกู้
3. ลุ้นต่อมาตรการลดโอน-จดจำนอง กระตุ้นอสังหาฯ
คอลลิเออร์ส เปิดเผยว่า จากกระแสคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย ลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยพร้อมอาคารห้องชุด จากเดิมที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท และขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี หากประกาศใช้จะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565
จากการพิจารณาอุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 พบว่า อุปทานที่อยู่อาศัยช่วงราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดเป็น 77.21% ของอุปทานทั้งหมด ขณะที่ช่วงราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็น 49.08% เท่ากับว่าจะมีที่อยู่อาศัยอีกกว่า 28.13% จะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3/2564 ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลชะลอตัว ทั้งในส่วนของอุปสงค์และอุปทานกว่า 30% มีอุปทานที่ยังคงค้างอยู่ในตลาดอีกกว่า 55,000 ยูนิตในกรุงเทพฯ และอัตราการดูดซับต่ำลง
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ชะลอตัวเปิดตัวโครงการใหม่ เร่งระบายสต็อกคงค้าง ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2563 ผู้ประกอบการมีการปรับตัวรับมือ เช่น ปรับเพิ่มเพดานเงินดาวน์ขึ้นจาก 5-10% เป็น 10-30% นำโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งบ้าน-คอนโดฯ มาจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายและยอดโอน
อัปเดตมาตรการรัฐ ซื้อบ้าน 2564 มาตรการไหนเหมาะสำหรับคุณ
4. ตลาดที่อยู่อาศัยไทยปี 64 ยังอ่อนแรง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุตั้งแต่ต้นปี 2564 ผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ชะลอการเปิดโครงการใหม่ จากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้อและจำนวนที่อยู่อาศัยรอขายสะสมยังทรงตัวระดับสูง
จากข้อมูลของเอเจนซี ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) พบว่า ครึ่งแรกปี 2564 การเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีจำนวน 25,257 หน่วย ลดลง 15.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะคอนโด ผู้ประกอบการหันไปจับตลาดแนวราบ เนื่องจากกลุ่มนี้มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ระยะเวลาก่อสร้างสั้น และบริหารความเสี่ยงได้ง่าย
แนวโน้มตลาดช่วงที่เหลือปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่ายังมีปัจจัยท้าทายและความเปราะบางสูง แม้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มนิ่งขึ้น และตลาดยังพอมีปัจจัยหนุนจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 การเปิดโครงการใหม่ น่าจะยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง
โดยทั้งปี 2564 ที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล น่าจะมีจำนวน 41,000-48,000 หน่วย ต่ำสุดในรอบ 18 ปี ขณะที่การจองซื้อที่อยู่อาศัยใหม่น่าจะมีจำนวน 57,000-63,000 หน่วย ลดลงต่อเนื่องจากปีก่อน แม้ว่าครึ่งปีแรกกิจกรรมการขายจะดีขึ้น แต่การระบาดของโควิด-19 น่าจะทำให้กิจกรรมการซื้อขายช่วงครึ่งปีหลังกลับมาอ่อนแรงลง
แนวโน้มตลาดอสังหาฯ จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Index ฉบับล่าสุด
5. EEC โตไม่หยุด ตั้งเขตเศรษฐกิจเพิ่ม 6 แห่ง
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและรองรับการลงทุนในอนาคต เนื่องจากคาดว่า อีอีซีจะรองรับการลงทุนได้เพียง 5 ปีเท่านั้น จึงต้องตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่ม 6 แห่ง เป็นการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ 5 แห่ง ตั้งเป้าหมายการลงทุน 300,000 ล้านบาท ใน 10 ปี (2564-2573)
1) นิคมอุตสาหกรรมโรจนะแหลมฉบัง จ.ชลบุรี รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์
2) นิคมอุตสาหกรรมโรจนะหนองใหญ่ จ.ชลบุรี รองรับยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์
3) นิคมอุตสาหกรรมเอเชียคลีน จ.ชลบุรี รองรับอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ยานยนต์สมัยใหม่ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ
4) นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง จ.ระยอง รองรับยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ การบิน โลจิสติกส์ และดิจิทัล
5) นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง จ.ระยอง รองรับยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์
นอกจากนั้นยังได้จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ 1 แห่ง คือ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง จ.ระยอง เป้าหมายการลงทุน 20,000 ล้านบาท ใน 10 ปี (พ.ศ.2564-2573) พัฒนาพื้นที่ในกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และได้เปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ 1 แห่ง คือ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรธรรมศาสตร์ พัทยา (EECmd) เพื่อรองรับการลงทุนการแพทย์ในอนาคต
EEC โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก พลิกโฉมตลาดอสังหาริมทรัพย์
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า