สรุปข่าวเด่นอสังหาฯ รอบสัปดาห์ 25-29 ต.ค. 64

30 Oct 2021

เช็กอสังหาฯ ชานเมือง แนวรถไฟฟ้าสายสีแดง

ท่ามกลางการผ่อนคลายมาตรการทางเศรษฐกิจและอสังหาฯ ทำให้บรรยากาศเริ่มกลับมาสดใส จากปัจจัยบวกต่าง ๆ มาตรการ LTV เส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ พร้อมจับตาตลาดที่อยู่อาศัย พฤติกรรมของผู้บริโภค และการใช้จ่ายเงินของแต่ละวัย DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่

Subscription Banner for Article

 

1. เช็กอสังหาฯ ชานเมือง แนวรถไฟฟ้าสายสีแดง

คอลลิเออร์สฯ เปิดเผยว่า การเปิดรถไฟฟ้าสายสีแดง พลิกโฉมอสังหาริมทรัพย์ย่านชานเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้การเดินทางสะดวกสบาย ไม่ถูกจำกัดอยู่ในกรุงเทพฯ อีกต่อไป

โดยตลาดที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางค่อนข้างมีความหลากหลายทั้งโครงการบ้านจัดสรร และคอนโดเปิดขายกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตลอดแนวเส้นทางเป็นชุมชนดั้งเดิมขนาดใหญ่ที่มีมานานกว่า 20 ปี โดยเฉพาะช่วงเขตดอนเมืองฝั่งตรงข้ามสนามบินดอนเมือง มีชุมชนขนาดใหญ่ มีการพัฒนาหมู่บ้านจัดสรรมาหลายปีแล้ว

ทั้งนี้ มีซัพพลายสะสมเฉพาะกรุงเทพฯ อยู่ที่ 9,198 ยูนิต หากรวมในพื้นที่ปทุมธานี ย่านรังสิต พบว่า ช่วงที่ผ่านมามีการพัฒนาคอนโดตลอดแนวแล้วกว่า 30,000 ยูนิต มีมูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท

ทำเลคลองหนึ่งมีโครงการที่อยู่อาศัยหนาแน่น ขณะที่ย่านบางบำหรุเป็นอีกทำเลที่นักพัฒนาแนวราบรายใหญ่ให้ความสนใจพัฒนาโครงการ และยังมีผู้พัฒนาอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบโครงการ เพื่อเปิดตัวโครงการใหม่ในอนาคต

จากผลสำรวจ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2564 พบว่า ตลอดเส้นทางมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ระหว่างการขาย 24,522 ยูนิต มีมูลค่าการพัฒนารวม 101,769 ล้านบาท ประกอบด้วย

บ้านจัดสรร 59 โครงการ จำนวน 8,259 ยูนิต ขายได้ 54% แบ่งเป็น

  • บ้านเดี่ยว 2,650 ยูนิต ขนาด 50-142.3 ตารางวา ระดับราคา 5.5-70 ล้านบาท ขายได้ 52%
  • ทาวน์เฮ้าส์ 4,720 ยูนิต ขนาด 18-36 ตารางวา ระดับราคา 2.2-9.8 ล้านบาท ขายได้ 45%
  • บ้านแฝด 620 ยูนิต ขนาด 35-65 ตารางวา ระดับราคา 4.9-10.9 ล้านบาท ขายได้ 70%
  • อาคารพาณิชย์ 269 ยูนิต ขนาด 16-38 ตารางวา ระดับราคา 6.5-17 ล้านบาท ขายได้ 70%

ส่วนคอนโด มีจำนวน 16,263 ยูนิต มูลค่ากว่า 22,224 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • ห้องสตูดิโอเป็นรูปแบบที่มีการพัฒนามากที่สุด จำนวน 12,819 ยูนิต ขนาด 21-30 ตารางเมตร
  • แบบ 1 ห้องนอน จำนวน 3,186 ยูนิต ขนาด 24-30 ตารางเมตร
  • แบบ 2 ห้องนอน จำนวน 257 ยูนิต ขนาด 39.6-77.7 ตารางเมตร
  • แบบ 3 ห้องนอนขึ้นไป จำนวน 1 ยูนิต ขนาด 84 ตารางเมตร

จากซัพพลายขณะนี้ขายไปแล้ว 11,976 ยูนิต หรือคิดเป็น 73% ยังเหลือขาย 4,296 ยูนิต หรือคิดเป็น 27% โดยห้องสตูดิโอยังเหลือขายมากสุด

รถไฟฟ้าสายสีแดง ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต 10 ปีที่รอคอย เปิดใช้แล้ว

 

2. หลังรัฐฯ ลดค่าโอน-จดจำนอง ครอบคลุมบ้านมือสอง

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่น ที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) เป็นการชั่วคราว ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. 2564 ถึงสิ้นปี 2565 จะช่วยให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมฟื้นตัวจากปี 2564 หลังเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อมาถึงเกือบ 2 ปี

โดยให้สถาบันการเงินของเอกชนและรัฐปล่อยสินเชื่อเต็ม 100% จากเดิม 80%-90% เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความสำคัญและมีธุรกิจเกี่ยวเนื่อง คิดเป็นกว่า 9.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และจ้างงานรวมกว่า 2.8 ล้านคน

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะช่วยระบายที่อยู่อาศัยใหม่ช่วงโค้งสุดท้ายที่เหลือขายอยู่ราว 283,500 หน่วย และช่วยยอดขายในปี 2564 ได้เกินกว่า 100,000 หน่วยหรือไม่น้อยกว่า 500,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมที่อยู่อาศัยมือสองที่มีอุปทานรอการซื้ออีกมากกว่า 100,000 หน่วย และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง

ขณะเดียวกันคงต้องทำควบคู่กับมาตรการทางการคลัง ในเรื่องสิทธิประโยชน์ด้านการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าธรรมเนียมการจดจำนอง โดยเปิดสิทธิประโยชน์แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทุกระดับราคาและกลุ่มที่อยู่อาศัยมือสอง จากเดิมให้เฉพาะบ้านใหม่ไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อช่วยสร้างแรงจูงใจสำหรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อ

อัปเดตมาตรการรัฐ ซื้อบ้าน 2564 มาตรการไหนเหมาะสำหรับคุณ

 

3. จับตาแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุบูม

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยผลการสำรวจ 20-30 ปีข้างหน้า (2583-2593) กลุ่มผู้สูงอายุครองโลก โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 28% ก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2566-2568 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ผู้สูงวัย อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปจะมีสัดส่วน 14% และอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จะมีสัดส่วน 20% หมายความว่าได้เข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว

ตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ในแคลิฟฟอร์เนีย นิวยอร์ก หรือประเทศญี่ปุ่น ในโตเกียว โอซาก้า เมื่อสังคมมีผู้สูงอายุมากขึ้น จำนวนเด็กน้อยลง และแรงงานลดลง จะส่งผลต่อความต้องการที่อยู่อาศัยเดิม ๆ ลดลง ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวสวนทางกับตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุกลับเพิ่มขึ้น

ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยจึงควรหันกลับมาให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รองรับกลุ่มผู้สูงวัยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและจริงจัง โดยตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • Independer Living รองรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังแข็งแรงช่วยเหลือตัวเองได้
  • Assisted Living กลุ่มที่มีบริการพื้นฐานการดูแลมารองรับ
  • Memory Care กลุ่มผู้สูงวัยที่มีปัญหาทางด้านสมอง ต้องการบริการการดูแลอย่างใกล้ชิด
  • Skilled Nursing กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการบริการการดูแลระยะยาว

ปัจจุบันโครงการที่อยู่สำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย จะเน้นกลุ่มผู้สูงอายุที่แข็งแรง ขณะที่โครงการผู้สูงอายุที่ต้องการคนดูแลมีจำนวนน้อยมาก แต่ละโครงการจะบริการเฉพาะทางไม่ครอบคลุม แต่เชื่อว่าในปี 2568 เป็นต้นไปโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อผู้สูงอายุจะมีจำนวนมากขึ้นในหลากหลายรูปแบบ

สำหรับแนวทางการทำโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ มีองค์ประกอบ 3 ข้อหลัก

1) ต้องเลือกเซ็กเมนต์ว่าจะจับกลุ่มลูกค้าชาวไทยหรือต่างชาติ กลุ่มที่ยังแข็งหรือต้องการการดูแล เพื่อนำมาสู่การออกแบบ เลือกทำเล พัฒนาโครงการและบริการให้เหมาะสมกับลูกค้า

2) เป็นเจ้าของหรือเช่าถือครองระยะยาว (Leasehold)

3) ต้องมีพาร์ทเนอร์ที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ งานบริการ เช่น โรงแรม รวมถึงกลุ่มสถาปนิก วิศวกร และดีเวลลอปเปอร์ต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุน

อ่านข่าวอสังหาฯ ชี้เทรนด์ ‘ซิลเวอร์เอจ’มาแรง 3 ปี ‘ซีเนียร์เรสซิเดนซ์’แข่งเดือด เพิ่มเติม

71% ของคนไทยใช้เงินเป็น จับตา Gen Y เสี่ยงใช้เงินเกินตัว

4. 71% ของคนไทยใช้เงินเป็น จับตา Gen Y เสี่ยงใช้เงินเกินตัว

ธปท. ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจระดับทักษะทางการเงินของคนไทยตามกรอบของ The Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) เป็นครั้งที่ 8 ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 11,901 ครัวเรือน เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาทักษะทางการเงินของคนไทย และสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดี

ภาพรวมผลการสำรวจปี 2563 แสดงให้เห็นว่าคนไทยมีพัฒนาการระดับทักษะทางการเงินดีขึ้นอยู่ที่ 71% สูงกว่าการสำรวจครั้งก่อนในปี 2561 อยู่ที่ 66.2% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยการสำรวจทักษะทางการเงินครั้งล่าสุดของ OECD ในปี 2563 ที่อยู่ที่ 60.5%

หากแบ่งทักษะการเงินของคนไทยตามช่วงอายุ (Gen) คือ Gen Baby Boomer ขึ้นไป ผู้ที่เกิดก่อนปี 2509 หรืออายุ 55 ปีขึ้นไป Gen X เกิดปี 2509-2523 อายุ 44-54 ปี Gen Y เกิดปี 2524-2543 อายุ 20-39 ปี และ Gen Y เกิดปี 2544 ลงมาหรืออายุต่ำกว่า 20 ปี โดยพบว่า

– กลุ่ม Gen Y เป็นกลุ่มที่มีความรู้ทางการเงินดีที่สุด มีความสามารถในการจัดสรรเงิน แต่มีการไตร่ตรองก่อนใช้จ่ายและการออมเงินน้อย จึงควรเพิ่มทักษะด้านทัศนคติเพื่อเลี่ยงปัญหาใช้เงินเกินตัว

– กลุ่ม Gen X เป็นวัยที่มีภาระทางการเงินสูงที่สุด แม้มีความรู้การเงินค่อนข้างดี แต่มีแนวโน้มประสบปัญหาเงินไม่พอใช้ โดยเลือกกู้เงินเพื่อแก้ปัญหามากกว่าวัยอื่น และหากออมเงินจะทำเพื่อกรณีฉุกเฉินมากกว่าออมเพื่อเกษียณ

– กลุ่ม Gen Z เป็นกลุ่มที่ระดับทักษะการเงินค่อนข้างน้อยและมีคะแนนด้านพฤติกรรมและทัศนคติทางการเงินน้อยกว่าทุกกลุ่ม แต่คะแนนโดยรวมดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 61 แต่ควรพัฒนาพฤติกรรมทางการเงินในภาพรวมต่อเนื่อง

– กลุ่ม Gen Baby Boomer ขึ้นไป มีระดับทักษะทางการเงินน้อยที่สุดในทุกหัวข้อ แต่มีทัศนคติทางการเงินค่อนข้างดี เป็นวัยที่ประสบปัญหาเงินไม่พอใช้น้อยกว่ากลุ่มอื่น รู้จักกู้เงินเมื่อจำเป็น ออมเพื่อเกษียณมากกว่าทุกกลุ่ม แต่ส่วนใหญ่ยังทำไม่ได้ตามแผน ขณะที่มีความน่าเป็นห่วงเรื่องการถูกหลอกลวงทางการเงินมากที่สุด ทั้งการลงทุนปกติและในโลกออนไลน์

คน Millennials หรือ Gen Y เลือกซื้อบ้านอย่างไร 4 ปัจจัยที่ควรรู้

 

5. ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัย หลังพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน

ซีบีอาร์อี เปิดเผยว่า หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการจากภาครัฐ ตลาดอสังหาริมทรัพย์เองเริ่มมีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้น แต่การกลับมานั้นมาพร้อมกับการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ที่ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากรูปแบบการใช้ชีวิตในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานเพียงพอสำหรับการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในระยะยาว

สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยนั้น เนื่องจากหลายคนใช้เวลาตลอด 24 ชั่วโมงอยู่ที่บ้านในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้รายละเอียดหลายอย่างในที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะในคอนโดมิเนียมหรือบ้าน มีความสำคัญขึ้นมาก

โดยพื้นที่ที่เคยโฆษณาว่าเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ในบ้านจะไม่ถูกมองเป็นแค่พื้นที่ว่างอีกต่อไป แต่จะถูกให้ความสำคัญมากขึ้นว่าสามารถจะใช้เป็นโฮมออฟฟิศได้หรือไม่ ซึ่งควรแยกออกจากสิ่งรบกวน พร้อมจัดพื้นที่ให้เหมาะสมสำหรับการทำงานที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ พื้นที่ครัวจะมีความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากบางคนอาจได้ค้นพบความสามารถในการเป็นเชฟฝีมือเยี่ยมในช่วงล็อกดาวน์

การออกแบบบ้านยุคต่อไปจะให้ความสำคัญมากขึ้นกับห้องทำงาน ห้องอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว ห้องเด็ก ห้องครัว และพื้นที่เก็บของ ขณะที่สัตว์เลี้ยงก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นเดียวกันกับกีฬา โครงการที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงเริ่มเป็นที่ต้องการมากขึ้น และสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับกีฬา เช่น ห้องออกกำลังกาย เลนจักรยาน ลู่วิ่งจ็อกกิ้ง สระว่ายน้ำ และอื่น ๆ ก็ถูกให้ความสำคัญมากขึ้น

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

POST COMMENT

You may also like these articles